ระบบงานยุติธรรมกับยุทธศาสตร์ประเทศ

ระบบงานยุติธรรมกับยุทธศาสตร์ประเทศ

ยุทธศาสตร์ประเทศไทยกำหนดโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจไว้ชัดเจนโดยเฉพาะการพัฒนาการขนส่งระบบรางเพื่อการเชื่อมต่อสู่ประชาคมอาเซียนที่กำลังจะมาถึง

โดยตั้งเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดยรวม ทำให้ต้องคิดต่อไปว่าเพื่อให้เป้าหมายของประเทศไทยมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเป็นการเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ จึงควรกำหนดโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมควบคู่กันไปด้วย และจากประสบการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาเห็นว่าการพัฒนาระบบงานยุติธรรมในฐานะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อการแข่งขันน่าจะเป็นยุทธศาสตร์ประเทศที่สำคัญไม่น้อย

ระบบงานยุติธรรมเป็นระบบทางสังคมที่เชื่อมโยงและครอบคลุมมิติทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน ในเชิงโครงสร้างของระบบโดยหลักจะประกอบไปด้วยสถาบันทางสังคมต่างๆ เช่น ศาลประเภทต่างๆ ทนายความ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานบังคับโทษทางอาญา เช่น กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน หรือแม้กระทั่งองค์กรการปกครอง และการปกครองท้องถิ่น ตลอดจนกลไกจัดการข้อพิพาททางการค้าและการลงทุนไม่ว่าจะเป็นก.ล.ต. หรือสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค นอกจากนั้นก็ต้องถือว่ารัฐธรรมนูญและตัวบทกฎหมายเป็นโครงสร้างและกลไกที่สำคัญด้วยเช่นกัน

ระบบงานยุติธรรมจึงมีความหมาย ขอบเขต และกลไกในฐานะที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสังคมไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะขอบเขตของความเป็นศาลเท่านั้น การพัฒนาโครงข่ายของระบบงานยุติธรรมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกมิติในสังคมด้วยการให้ประชาชนได้เข้าถึงระบบโครงข่ายนี้จะมีผลเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประชาชนทั้งในเชิงปัจเจก และ ชุมชน จนมาถึงระดับภาพรวมของประเทศได้

ประเด็นจึงมีว่าเราจะกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบงานยุติธรรมอย่างไร เพื่อให้ส่งผลกระทบเชิงบวกเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประชาชนเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ

ระบบงานยุติธรรมที่ดีต้องมีหลักนิติธรรมเป็นเสาหลักค้ำยัน การพัฒนาหลักนิติธรรมที่สำคัญและเป็นรูปธรรมประการหนึ่ง คือ การบังคับใช้รัฐธรรมนูญของประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่เป็นมาตรฐานสากล ซึ่งเพียงเท่านี้ประชาชนก็จะมีหลักประกันในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพที่ชัดเจนและเข้มแข็ง

การเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนในระดับปัจเจกและชุมชนด้วยระบบงานยุติธรรมจึงเป็นอีกมิติหนึ่งของการพัฒนาประเทศ หากประชาชนมีศักยภาพที่เท่าเทียมและเสมอภาคกันในการเข้าถึงความยุติธรรมเมื่อมีเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้รับการแก้ไขหรือเยียวยาอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม ผลที่ได้รับจะเป็นการลดความเหลื่อมในสังคมลงเป็นอันมาก ส่งผลให้เป็นการพัฒนาศักยภาพส่วนบุคคลไปพร้อมกัน

นอกจากนี้ การส่งเสริมให้มีกลไกแบบไม่เป็นทางการในการจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่บริหารจัดการโดยภาครัฐหรือภาคประชาชน หรือส่งเสริมให้ภาคประชาชนพัฒนากระบวนการจัดการความขัดแย้งตามธรรมชาติโดยอาศัยความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประเพณีก่อนเข้าสู่ระบบงานยุติธรรมอย่างเป็นทางการตามแนวคิดยุติธรรมชุมชน กระบวนการเช่นนี้นับว่าเป็นการส่งเสริมหลักนิติธรรมและประชาธิปไตยพื้นฐานไปในกระบวนการเดียวกัน ย่อมเป็นการพัฒนาศักยภาพประชาชนทั้งในระดับปัจเจกและชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านกฎหมายและการบริหารเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยที่อยู่นอกระบบกฎหมายแรงงาน หรือระบบกฎหมายธุรกิจและการค้าได้เข้าถึงและมีโอกาสทัดเทียมกับกลุ่มกระแสหลักในการลงทุนและประกอบอาชีพได้อย่างแท้จริงในทางปฏิบัติจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ไม่น้อย เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันคนกลุ่มนี้ไม่อาจได้รับประโยชน์จากข้อกฎหมายหรือกติกาที่มีไว้เป็นการทั่วไปได้

การพัฒนาศักยภาพด้านกฎหมายเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลางได้เข้าถึงโครงข่ายกระแสหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจจึงเปรียบเสมือนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบงานยุติธรรมให้กับผู้ด้อยโอกาสได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาประเทศอย่างเสมอภาคและมีศักยภาพในการแข่งขันเพื่อเชื่อมต่อกับการพัฒนาในระดับภูมิภาคและในระดับนานาชาติต่อไปได้

ระบบงานยุติธรรมที่ได้รับการออกแบบและบริหารจัดการให้เหมาะสมและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศจะส่งผลให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ ประสบความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังเป็นการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันให้กับประชาชนทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอีกด้วย