มาตรฐานครูหดหาย คุณภาพนักเรียนก็ต่ำต้อย

ข่าวสัปดาห์ที่แล้วบอกว่ายอดผลิตครูสูงจนน่าตกใจ คาดว่าปี 2560 หรือจากนี้ไปอีก 5 ปี จะมีบัณฑิตครู
ล้นทะลักไม่ต่ำกว่า 2.4 แสนคน
ตีความว่า สถาบันการศึกษาผลิตเพื่อสนองคนอยากเรียน แต่ไม่คำนึงถึง "คุณภาพ" และไม่ห่วงว่าเด็กจะ "ตกงาน" หรือไม่
สรุปได้ว่า เมืองไทยไม่ขาดแคลน “ครู” แต่ที่ขาดหนักมากๆ คือ “ครูที่มีคุณภาพ” ตามมาตรฐานที่เด็กไทยควรจะได้
หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ก็คือว่าสถาบันผลิตครูกับโรงเรียนทั่วประเทศที่ต้องการครู ไม่มีการมาร่วมวางแผนกันเพื่อจะทำให้การผลิตครูเป็นไปตามความต้องการ และได้มาตรฐานตามที่ควรจะได้
ข่าวอ้างถึง รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวบรรยายในการสัมมนา ภายใต้หัวข้อ “การจัดทำแผนการผลิตกำลังคนสาขาครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์ให้เหมาะสมกับความต้องการของประเทศ” ตอนหนึ่งบอกว่า ดูจากยอดรับนักศึกษาสาขาครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์ของสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แล้ว มีทั้งประเด็นที่ “ดี” และที่ “น่าตกใจ”
ที่ว่าเป็นเรื่อง "ดี" คือ บรรดาสถาบันอุดมศึกษามุ่งผลิตบัณฑิตครูอย่างมาก เพื่อรองรับกระแสข่าวว่าอีกประมาณ 7 ปี จะมีครูเกษียณอายุกว่า 200,000 คน
ส่วนเรื่องที่น่า “ตกใจ” คือ เมื่อนำยอดรับแต่ละปีมารวมกัน หรือคิดยอดรับปีการศึกษา 2555 ว่าจะไปศึกษาจบช่วงปี 2560 นั้น แสดงว่าช่วงนั้นจะมีบัณฑิตที่จบการศึกษาไม่ต่ำกว่า 240,000 คน นี่เป็นตัวเลขที่ยังไม่รวมการผลิตในปีต่อๆ ไป
แสดงว่าขณะนี้เรากำลังผลิตเกินความต้องการแล้ว
สาขาวิชาที่ผลิตมากที่สุด คือ พลศึกษา สุขศึกษา และ มวยไทย รองลงมาคือการศึกษาปฐมวัย ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ศึกษา
สถาบันอุดมศึกษากลุ่มที่ผลิตมากที่สุด คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏ 62.4% รองลงมาเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ 15.1% สถานศึกษานอกสังกัด 9.8% มหาวิทยาลัยของรัฐที่ไม่จำกัดจำนวนรับ 9.0% มหาวิทยาลัยราชมงคล 3.7% และ มหาวิทยาลัยเอกชน 0.1%
รัฐมนตรีศึกษาธิการ พงศ์เทพ เทพกาญจนา บอกว่า บัณฑิตและมหาบัณฑิตครูจำนวนมากจบมาแล้วไม่ได้ประกอบอาชีพตามที่ต้องการ เพราะไม่มีระบบที่จะบอกความต้องการครูแต่ละปี และไม่มีแผนการผลิตครูของสถาบันอุดมศึกษาที่ชัดเจน
จึงจำเป็นที่สถาบันอุดมศึกษา กับ สกอ. ที่จะต้องจัดทำระบบการผลิตครู เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้มาเรียนและระบบการศึกษา
ไหนๆ รัฐมนตรีศึกษาฯ คนใหม่ จะปฏิรูปหลักสูตรและการเรียนการสอนแล้ว ประเด็นเรื่องครูควรจะต้องได้รับความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะว่าไม่มีการยกเครื่องระบบการศึกษาใดจะสามารถเดินหน้าได้ หากว่าจำนวนและคุณภาพครูยังต่ำกว่าที่สังคมคาดหวัง
เริ่มต้น ด้วยการยกระดับศักดิ์ศรีและคุณภาพของครูอย่างจริงจัง ให้การสอนเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และมีรายได้ในระดับที่เหมาะสม ฟื้นฟูคุณธรรมแห่งวิชาชีพครู และทุ่มงบประมาณร่วมกับเอกชนในการฝึกสอนครูทุกระดับอย่างเต็มกำลัง
สถานภาพของครูไทยในระยะหลังเสื่อมทรุดลง เพราะว่าขาดการดูแลเอาใจใส่ในระดับนโยบาย และไม่มีการแก้ไขปัญหาของครู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโอกาสก้าวหน้า รายได้ หรือการเสริมประสิทธิภาพของการสอนอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
อีกทั้งมาตรฐานการประเมินผลการสอน หรือระบบการที่จะให้ครูได้รับรู้การประเมินจากผู้ปกครอง นักเรียน นักวิชาการ และสังคมทั่วไป ยังไม่ปรากฏเป็นหลักเป็นเกณฑ์ที่แน่ชัด
จึงเป็นที่มาของปัญหา “ครูไร้คุณภาพ” ซึ่งมีผลต่อ “นักเรียนต่ำกว่ามาตรฐาน” ที่กำลังเป็นประเด็นการถกแถลงในสังคมอย่างกว้างขวางในทุกวันนี้
หากจะสร้างชาติสร้างบ้านเมืองก็ได้เวลาปฏิรูป “เรือจ้าง” ครั้งใหญ่แล้วครับ







