“พม่ารำขวาน ไทยเถิดเทิง”

“พม่ารำขวาน  ไทยเถิดเทิง”

คนที่ชอบฟังดนตรีไทยคงคุ้นเคยกับทำนองเพลง “พม่ารำขวาน” ที่มีจังหวะสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ

คนที่ชอบฟังดนตรีไทยคงคุ้นเคยกับทำนองเพลง “พม่ารำขวาน” ที่มีจังหวะสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ ทำนองเพลงไทยหลายเพลงมักจะขึ้นด้วยชื่อของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นลาวดวงเดือน เขมรไทรโยค หรือพม่ารำขวาน เพราะได้รับอิทธิพลจากเพลงของประเทศเหล่านั้น มีผู้สันนิษฐานว่าทำนองเพลง “พม่ารำขวาน” มีที่มาจากการละเล่นของทหารพม่าระหว่างพักรบในสมัยเมื่อยกทัพมาตีกรุงรัตนโกสินทร์ คนไทยได้ยินทำนองเพลงนี้แล้วชอบ จึงเอามาประยุกต์เป็นการละเล่นกลองยาว หรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่าเถิดเทิง

 

ในวันนี้ การปฏิรูปทางการเมืองและเศรษฐกิจของพม่าดูจะตื่นเต้น และเร้าใจไม่น้อยไปกว่าทำนองเพลงพม่ารำขวาน ในด้านการเมืองนั้นช่วงปลายปี 2553 รัฐบาลทหารพม่าจัดให้มีการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี  และในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ ได้ยอมให้พรรคฝ่ายค้าน NLD ของนางออง ซาน ซูจี เข้าร่วมและชนะไปเกือบทุกที่นั่ง นางออง ซาน ซูจีได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก หลังจากที่ถูกกักบริเวณในบ้านของตนเองมากว่า 15 ปี รวมทั้งได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี การเดินทางมาเมืองไทยของนางออง ซาน ซูจี เมื่อเดือนที่แล้วนั้น ความสำคัญไม่ใช่อยู่ที่เพียงนางได้รับอนุญาตให้เดินทางนอกประเทศเท่านั้น แต่อยู่ที่นางกล้าเดินทางออกนอกประเทศด้วย ในอดีตมีหลายโอกาสที่รัฐบาลทหารพม่า พยายามผลักดันให้นางไปต่างประเทศ โดยหวังว่าเมื่อนางออกไปแล้วจะไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีก

 

แม้ว่าทหารจะยังคงมีบทบาทสำคัญในรัฐบาลพม่าอยู่มาก แต่ประธานาธิบดีเต็ง เส่งได้ใช้ทั้งกึ๋น ความกล้า และบารมีผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง คณะรัฐบาลมีรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือนมากขึ้น รัฐมนตรีสายทหารที่เป็นพวกไม้แข็งไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงได้ถูกลดบทบาทลงเรื่อยๆ เมื่อเดือนที่แล้วรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงานและกระทรวงการสื่อสารได้ถูกปลด หลังจากที่ประชาชนในเมืองมัณฑะเลย์เดินขบวน (เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี) ประท้วงการขาดแคลนไฟฟ้าที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในพม่านี้อาจกล่าวได้ว่ามีประธานาธิบดีเต็ง เส่ง และนางออง ซาน ซูจี เป็นผู้นำหลัก แม้ว่าทั้งสองคนจะเคยต่อสู้ขัดแย้งกันมาเป็นเวลานาน แต่ในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน และทำงานร่วมกันในกรอบประชาธิปไตย เพื่อจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้น (โดยไม่ต้องมีกฎหมายปรองดอง)

 

การปฏิรูปทางการเมือง ได้สร้างรากฐานสำคัญสำหรับการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตของคนพม่ายังล้าหลังกว่าไทยอยู่หลายสิบปี รายได้ต่อหัวของคนพม่าอยู่เพียง 800 ดอลลาร์ต่อปีเท่านั้น ต่ำสุดในกลุ่มอาเซียน  และเป็นเพียง 15% ของคนไทย การส่งออกของพม่าทั้งปีมีมูลค่าเท่ากับการส่งออกของไทยเพียงแค่ 15 วัน สองสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจพม่าล้าหลังมาก คือ การกีดกันทางเศรษฐกิจของอเมริกาและยุโรปที่มีต่อเนื่องนับสิบปี และนโยบายเศรษฐกิจแบบปิดประเทศโดยผู้มีอำนาจรัฐเป็นใหญ่ สามารถแทรกแซงและบิดเบือนกลไกตลาดได้ตามที่ต้องการ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลให้หลายประเทศ ลดระดับการกีดกันทางเศรษฐกิจลงอย่างรวดเร็ว เปิดทางให้ธุรกิจของตนเข้าไป (แข่งกับจีน) หาโอกาสทางธุรกิจจากความดิบและความอุดมสมบูรณ์ของพม่ากันอย่างเต็มที่

 

ในส่วนนโยบายเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลพม่าได้ปฏิรูปนโยบายหลายด้านแบบกลับหลังหัน พม่ากำลังออกกฎหมายทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นกฎหมายธนาคารกลาง (เพื่อให้ธนาคารกลางเป็นอิสระจากรัฐบาล) กฎหมายธนาคารพาณิชย์ กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกฎหมายส่งเสริมการลงทุน ซึ่งจะยอมให้นักลงทุนต่างชาติเช่าที่ดินจากเอกชนพม่าได้ถึง 60 ปี รวมทั้งคุ้มครองนักลงทุนต่างชาติให้ได้รับการชดเชยถ้าทรัพย์สินถูกยึดหรือเวนคืนโดยรัฐบาล 

 

การปฏิรูปทางเศรษฐกิจที่ถือว่าสำคัญและสร้างความตื่นเต้นเร้าใจมาก คือ การยกเลิกระบบอัตราแลกเปลี่ยนหลายอัตราเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้น อัตราแลกเปลี่ยนทางการกำหนดให้เงินหนึ่งดอลลาร์แลกได้เพียง 5 จ๊าด ในขณะที่ตลาดมืดสูงถึง 800 จ๊าด/ดอลลาร์ ระบบอัตราแลกเปลี่ยนหลายอัตรานี้เป็นช่องทางหารายได้ให้แก่รัฐบาลพม่า (และผู้มีอำนาจรัฐ) มาเป็นเวลานาน เพราะธุรกรรมหลายอย่างจะต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนทางการ ส่งผลให้รัฐบาลพม่าได้เงินดอลลาร์ถูกกว่าความเป็นจริงนับร้อยเท่า การที่รัฐบาลพม่าประกาศใช้อัตราแลกเปลี่ยนเพียงอัตราเดียวตามราคาตลาด จะลดความเบี่ยงเบนในการจัดสรรทรัพยากรอย่างมาก ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ผู้ส่งออกไม่ถูกเอาเปรียบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นธรรม และลดโอกาสที่จะถูกผู้มีอำนาจรัฐเรียกร้องหาผลประโยชน์

 

การปฏิรูปทางเศรษฐกิจของพม่า ไม่ได้มีผลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศเท่านั้น แต่จะเกิดผลต่อเศรษฐกิจรอบๆ พม่าอย่างมากด้วย พม่าเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของโลกที่ยังไม่ถูกขุดขึ้นมาใช้ พม่าจะเป็นประตูเชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียให้แก่จีนและไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งจากเอเชียไปยุโรปได้มาก พม่ามีประชากรเกือบ 60 ล้านคน ถ้าเศรษฐกิจพม่าเติบโตต่อเนื่อง คนพม่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเป็นกำลังซื้อที่สำคัญของภูมิภาค ในวันนี้ นักธุรกิจจากทั่วโลก ต่างมุ่งกันเข้าไปพม่าเพื่อหาลู่ทางทำธุรกิจ ราคาสำนักงานในย่างกุ้งเพิ่มขึ้นเร็วมาก ค่าโรงแรมในย่างกุ้งเพิ่มขึ้นกว่า 3-4 เท่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่เครื่องบินเส้นทางกรุงเทพฯ-ย่างกุ้งเต็มเกือบตลอดเวลา เกิดปรากฏการณ์ที่ว่าแรงงานพม่าราคาถูกต้องเข้ามาหางานทำในไทย แต่นักธุรกิจไทย และพวกมืออาชีพไทยกลับต้องไปของานพม่าทำ

 

คำถามสำคัญที่อยู่ในใจทุกคนเวลานี้คือว่า การปฏิรูปที่เกิดขึ้นในพม่าจะกลับหลังได้หรือไม่ และจะเปลี่ยนแปลงได้เร็วแค่ไหน คนส่วนใหญ่เชื่อว่ายากที่พม่าจะกลับหลังไปใช้นโยบายแบบเดิม เพราะทั้งประธานาธิบดีเต็ง เส่ง และนางออง ซาน ซูจี ต่างมีเป้าหมายตรงกันที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพม่าให้ดีขึ้น (มากกว่าที่จะคำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนของผู้นำและครอบครัว) เหตุการณ์ Arab Spring ในตะวันออกกลาง คงจะมีส่วนทำให้รัฐบาลพม่า ตระหนักว่าไม่มีทางที่จะกดขี่และหลอกลวงประชาชนได้ตลอดไป วันนี้มีคนพม่าหลายล้านคนที่ออกมาทำงานอยู่นอกประเทศได้เห็นคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในประเทศของตนเองมาก คงจะมีเพียงสาเหตุเดียวที่การปฏิรูปในพม่าจะกลับหลังหันได้ ก็คือ การเปลี่ยนแปลงผู้นำโดยการปฏิวัติจากกลุ่มทหารไม้แข็งที่สูญเสียอำนาจ

 

สำหรับคำถามที่ว่าการเปลี่ยนแปลงในพม่าจะเกิดขึ้นได้เร็วแค่ไหนนั้น ผมคิดว่าคงจะไม่เกิดได้เร็ว เพราะพม่าขาดคนที่มีความรู้และทักษะในด้านต่างๆ รวมทั้งจะต้องมีการปรับกฎหมายและกฎเกณฑ์หลายด้าน แต่ในบางภาคธุรกิจที่นโยบายของรัฐบาลเป็นใหญ่และเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานนั้น คงจะเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว เพราะรัฐบาลพม่ายังมีวิธีตัดสินใจแบบทหาร ถ้าตั้งใจรำขวานแล้วคงฟันต่อทันที ไม่เถิดเทิงไปมา ผมได้มีโอกาสไปเนย์ปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ของพม่าเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องประหลาดใจกับความสามารถในการวางผังเมือง และการก่อสร้างอาคารต่างๆ ทั้งๆ ที่ใช้เวลาแค่ 5-6 ปี รัฐสภาแห่งใหม่ของพม่ามีขนาดใหญ่และสวยกว่ารัฐสภาไทยหลายเท่านัก ถนนหน้ารัฐสภามีความกว้าง 20 เลน (ต่อให้เกณฑ์เสื้อทุกสีมาชุมนุมก็ไม่สามารถปิดกั้นรัฐสภาได้) อาคารสนามบินนานาชาติเนย์ปิดอว์สวยและประณีตกว่าสนามบินเชียงใหม่และภูเก็ตหลายเท่าตัว แม้ว่าในขณะนี้ จะมีเที่ยวบินปกติเพียงวันละเที่ยวจากย่างกุ้งเท่านั้น ผมเชื่อว่าไม่มีทางที่รัฐบาลไทย และหน่วยงานราชการไทยจะสร้างเมืองใหม่ได้รวดเร็วเท่ากับที่พม่าสร้างเนย์ปิดอว์ 

 

การปฏิรูปที่กำลังเกิดขึ้นในพม่าตื่นเต้นและเร้าใจไม่น้อยไปกว่าทำนองเพลงพม่ารำขวาน ได้แต่หวังว่าจะเกิดการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศไทยอย่างจริงจังไม่น้อยหน้ากว่าที่กำลังเกิดขึ้นในพม่า เพราะถ้าปล่อยให้พม่ารำขวานปฏิรูปไปหลายยกแล้ว ไทยอาจได้แค่เพียงจำทำนองมาเถิดเทิง