ยูโรร่อแร่, รุ่งริ่ง, (รุ่งโรจน์)

ยูโรร่อแร่, รุ่งริ่ง, (รุ่งโรจน์)

ความตั้งใจในเดือนนี้ ว่า จะเล่าเรื่องอะไรให้ท่านผู้อ่านที่รักฟังดีระหว่างยูโร (ที่ไม่ใช่ฟุตบอล) กับเรื่องตลาดสวอปบ้านเรา

ความตั้งใจในเดือนนี้ ว่า จะเล่าเรื่องอะไรให้ท่านผู้อ่านที่รักฟังดีระหว่างยูโร (ที่ไม่ใช่ฟุตบอล) กับเรื่องตลาดสวอปบ้านเราที่เคลื่อนไหวบิดเบี้ยวไปจากการเก็บ "ภาษี" ชดเชยฐานะการเงินของ FIDF สุดท้ายก็เป็นอย่างที่จั่วหัวไว้ข้างต้นละครับ  ก็เลยขอเล่าเรื่องเงินยูโรอีกสักหนหนึ่ง  ผมลองไปพลิกๆ ต้นฉบับของผมดูย้อนกลับไป  ก็เลยพบว่าผมได้เขียนบทความให้ท่านทราบในสไตล์ของผมมาแล้ว 3 ครั้ง (มิ.ย. 53, ธ.ค. 54, และล่าสุด ม.ค. 55)  ดูเหมือนแนวโน้มที่ผมได้นำเสนอในบทความทั้ง 3 ครั้ง  สรุปได้ว่า  ผมแทงหวยว่ายูโรยังอยู่และสหภาพยุโรปก็ยังอยู่เช่นกัน

 

ที่ผมตั้งใจเขียนเรื่องยูโรในเดือนนี้อีกหน  ก็ไม่ได้หมายความว่าการแทงหวยครั้งก่อนจะ “ผิด”  เพียงแต่ว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปพอควร  เห็นควรจะ “Revisit” เรื่องนี้  เพื่อให้พวกเราประเมินสถานการณ์ที่มีความเป็นปัจจุบันมากขึ้น  บทความของผมเมื่อ มิ.ย. 2553 เรื่องยูโรจะรอดมั้ย  ได้ปูพื้นเรื่องของ EUและเงินสกุลยูโรได้ดีอยู่แล้ว  ผมขออนุญาตไม่ฉายหนังซ้ำนะครับ  เพียงแต่ว่าจุดอ่อนที่กล่าวไว้ไม่ว่าจะเป็นประเทศกลุ่ม  PIIGS  หรือเรื่อง Fiscal Union  ได้ถูกนำมากล่าวถึงในปัจจุบันอย่างมาก  และอาจจะต้องบอกว่ามีการพูดกันจนน่าจะให้คนฟังเริ่ม “เลี่ยน” และหลงลืมประเด็นสำคัญไป

 

ประเด็นเรื่อง Fiscal Union ก็ยังคงเป็นประเด็นไปอีกนาน  ตราบเท่าที่ยังคงจะต้องใช้เงินสกุลเดียวกันอยู่ต่อไป  การเสริมส่งหรือคานกันของนโยบายการเงินและนโยบายการคลังก็คงเกิดได้ยาก  ตราบเท่าที่มีแต่ Monetary Union เพียงอย่างเดียว  และทุกวันนี้ พี่ใหญ่อย่างเยอรมนีก็น่าจะหนักใจไม่น้อยเกี่ยวกับ "เรื่องที่ขาดไป" เรื่องนี้

 

ส่วนเรื่องของ  PIIGS ไม่ต้องกล่าวถึง G (Greece) กับ S (Spain)  ที่ตอนนี้จะชอบไม่ชอบ  อยากได้ยินหรือไม่อยากได้ยิน  ก็จะต้องได้รับรู้อยู่ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร  ส่วนที่เหลือ (Portugal, Italy, Ireland)   ก็น่าจะเฝ้าดูด้วยความกังวลใจว่า  สุดท้าย G กับ S จะมีจุดสิ้นสุดเป็นอย่างไร  ผมเชื่อว่าสิ่งที่น่ากลัว ก็คือ  ความกังวลใจในเรื่อง Contagion Effect มีอยู่มากและก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงจริงๆ

 

จนถึงตอนนี้  แนวทางที่น่าจะเป็นไปได้  ผมเชื่อว่าน่าจะมีการ “กระชับพื้นที่” ของ EU ลงมา  เชื่อว่าจะมีการคงไว้สำหรับประเทศที่แข็งแรง และ/หรือ ประเทศที่สามารถทำให้  Fiscal Union มีรูปร่างที่ชัดขึ้น  ซึ่งหมายความว่า ขนาดของ EU จะเล็กลงแต่มั่นคงมากขึ้น  จริงๆ แล้ว เรื่อง Fiscal Union มีการพูดจากันตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว  เพียงแต่เป็นการรับปากแต่ทำไม่ได้  สถานะแบบน้ำท่วมปากก็เลยเกิดขึ้นในปัจจุบัน  แต่เชื่อว่าการตัดตอนโดย “เชิญ” ประเทศที่เป็นปัญหาออกไป  น่าจะเป็นหนทางที่เป็นไปได้มากที่สุด

 

คำถามก็คือ เมื่อไรล่ะ  คำตอบ ก็คือ ไม่รู้เหมือนกัน  แต่ผมเชื่อว่าเบื้องหลังการถ่ายทำ  น่าจะมีการเตรียมการมาเป็นลำดับและน่าจะชัดเจนมากขึ้นเมื่อการเมืองของ Greece ชัดเจนมากขึ้นอีก  ผลกระทบต่อเมืองไทยนั้นน่าจะพอรับไหว  แน่นอนแบงก์ชาติก็ได้ทำการ “เช็คชื่อ”  บรรดาธนาคารพาณิชย์ไทย ว่าไปมี exposure ที่เป็นยูโรมากน้อยแค่ไหน  ซึ่งปรากฏว่าไม่เท่าไร  อย่างไรก็ตาม  ผลกระทบทางอ้อม  โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่แท้จริง (Real Sector) ยังยากที่จะประเมิน  แต่หากจะให้เดาก็คิดว่าน่าจะพอเอาไหว   ในระหว่างนี้   ก็อยากจะเตือนทุกท่านที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับความผัน ผวนของเงินยูโรได้ทำการบริหารความเสี่ยง  หรือหาทางหนีที่ไล่เอาไว้ให้มาก  ผมเชื่อว่า  ท่ามกลางข่าวไม่ดีเกี่ยวกับ  Euro และ EU น่าจะทำให้เงินสกุลนี้ลงไปอยู่ระดับ parity กับเงินดอลลาร์ได้  บรรดาผู้ส่งออกอาจจะกุมขมับ ในขณะที่ผู้นำเข้าก็อาจจะรู้สึกดี  โลกมันมี 2 ด้านเสมอ

 

หันกลับมามองดูตัวเอง  ผมทำอาชีพนี้มาก็หลายปี  ก็มีเงินยูโรนี่แหละที่ผมเห็นตั้งแต่ยังเป็นวุ้น (Embryo)   มาเป็นตัวอ่อน  จนกระทั่งคลอด และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และกำลังป่วยหนัก  หวังเป็นอย่างยิ่งว่า  คงไม่ต้องไปงานศพด้วย  อย่างน้อยก็ในช่วงที่ยังคงทำงานและติดตามตลาดการเงินอยู่อย่างนี้  เพราะทำให้ใจมันหวิวๆ อย่างไรชอบกลอยู่