‘อนุทิน’ อย่าแก้ปัญหาประเทศ ด้วยการซื้อเวลา

ทั้งปัจจัยต่างประเทศและปัจจัยในประเทศที่มีผลต่อปากท้องของประชาชน โดยปัจจัยในประเทศมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยที่โตต่ำกว่าศักยภาพ

ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวจะต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่หลายรัฐบาลทำยังไม่สำเร็จและยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลอนุทินที่จะยุบสภา ภายใน 4 เดือน จะมีเตรียมการเรื่องนี้อย่างไร

ในขณะที่ปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกที่ยังไม่คลี่คลาย คือ สงครามการค้า ซึ่งแม้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจะประกาศอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น 19% ใกล้เคียงกับหลายประเทศในภูมิภาค แต่มีบางประเด็นที่การเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป โดยเฉพาะการคำนวณสัดส่วนมูลค่าการผลิตในประเทศหรือในภูมิภาค (RVC) รวมทั้งกำกับดูแลการนำเข้าและการตรวจสอบสินค้าให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดสินค้า
    

ปัญหาหนี้ที่กัดกร่อนเศรษฐกิจไทยทั้งหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับใกล้แตะเพดาน 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ สะท้อนกับดักของประเทศไทยที่รัฐบาลไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพ ในขณะที่การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลมีผลดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นมีผลทางตรงต่อการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือน ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่นายกฯอนุทินจะต้องพิจารณาเพื่อเตรียมหาทางออกให้กับประเทศถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแก้ไขได้ในรัฐบาลปัจจุบัน 
    

ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ภาคเอกชนเรียกร้องการเปิดด่านการค้าชายแดนกำลังจะเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลอนุทินจะต้องประเมินให้เด็ดขาดระหว่างความมั่นคงและภาคธุรกิจ ซึ่งปัญหาชายแดนไทยและกัมพูชาเป็นประเด็นเรื้อรังจากการซุกปัญหาไว้ใต้พรมและการเห็นประโยชน์ส่วนตนของกลุ่มการเมืองและฝ่ายความมั่งคงบางส่วน ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ควรแก้ปัญหาชายแดนไทยและกัมพูชาด้วยการซื้อเวลา แต่ควรวางกรอบการทำงานที่นำไปสู่การแก้ปัญหาเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
    
นายกฯอนุทิน ปฏิเสธไม่ได้ว่าอายุรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม 4 เดือน จะเลือกปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติในแต่ละเรื่อง ซึ่งเรื่องใดที่เป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นขอให้ใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนประเด็นที่เป็นการแก้ปัญหาระยะยาวของประเทศขอให้ตั้งเรื่องเพื่อเตรียมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม เพื่อไม่ให้ระดับการพัฒนาประเทศถดถอยลงและประเทศไทยกลายเป็นผู้ตามในทุกเรื่อง