The Merge กับการพัฒนาสู่ Ethereum 2.0

เมื่อพูดถึงสกุลเงินดิจิทัล หลายคนน่าจะนึกถึงบิตคอยน์กันเป็นอย่างแรก แต่อีกเหรียญที่มีมูลค่าตลาดสูงตามมาเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ก็คือ ETH หรือ Ethereum
Ethereum พัฒนาโดย Vitalik Buterin และเริ่มทำงานในปี 2015 มีความพิเศษคือบล็อกเชนของ Ethereum รองรับ Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ) ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันขึ้นบน บล็อกเชนได้ เกิดเป็นการใช้งานรูปแบบใหม่ ๆ อย่าง Decentralized Finance, GameFi, Stablecoin, NFT และอีกมากมาย ทำให้ Ethereum ได้รับการยอมรับว่าเป็นเหรียญที่บุกเบิกบล็อกเชนรุ่นที่ 2 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม Ethereum ก็ยังคงมีข้อจำกัดของมัน จึงทำให้เกิดแนวคิดพัฒนาไปสู่ Ethereum 2.0 ที่จะยกระดับทั้งด้านความเร็ว ความกระจายอำนาจ และความปลอดภัย ซึ่งในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้กันว่าทำไม Ethereum จึงต้องพัฒนาตัวเองเป็น 2.0 และจะทำได้อย่างไร
The Merge ก้าวแรกสู่ Ethereum 2.0
The Merge คือเหตุการณ์สำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนกันยายน 2022 ที่จะถึงนี้ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่จะทำให้ Ethereum เปลี่ยนระบบฉันทามติ (Consensus Algorithm) จาก Proof-of-Work (PoW) ไปสู่ Proof-of-Stake (PoS) ที่บล็อกเชนรุ่นใหม่นิยมใช้กัน
แนวคิดของ The Merge เริ่มตั้งแต่ในปี 2020 หรือประมาณ 2 ปีก่อน โดย Ethereum ได้สร้างเครือข่ายใหม่ขึ้นมาเครือข่ายหนึ่ง ชื่อว่า Beacon Chain เป็นเครือข่ายใช้ระบบ PoS และเปิดให้ผู้ถือเหรียญ ETH สามารถเข้ามาวางเหรียญ ETH ค้ำประกันเพื่อตรวจสอบและปรับปรุงการทำงานของระบบ PoS มาเรื่อย ๆ จนนักพัฒนามั่นใจว่าสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี จากนั้นก็จะทำการประสาน Ethereum เครือข่ายหลักเข้ากับ Beacon Chain และเปลี่ยนระบบของเครือข่ายหลักเป็น PoS จึงเป็นที่มาของชื่อ The Merge (การประสาน) นั่นเอง
ทำไมการเปลี่ยนไปใช้ PoS ถึงมีความสำคัญ?
นั่นเพราะเดิมที Ethereum ใช้ระบบ PoW เพื่อตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมผ่านการขุด หรือการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลแก้สมการและสร้างบล็อก ซึ่งการจะแก้สมการได้จำเป็นต้องใช้กำลังประมวลผลและพลังงานไฟฟ้ามหาศาล ยิ่งมีการแข่งขันกันระหว่างนักขุดจากทั่วโลก พลังงานที่ใช้รันเครือข่าย Ethereum ก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก เคยมีรายงานว่าพลังงานที่ใช้รันเครือข่าย Ethereum เคยพุ่งไปสูงถึง 112 เทราวัตต์/ปี ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานไฟฟ้าทั้งปีของประเทศเล็ก ๆ ได้เลย
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการเปลี่ยนมาสู่ PoS ถึงเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายสนใจ เพราะจะเปลี่ยนจากการขุดมาเป็นการวางเหรียญค้ำประกัน (Stake) โดยผู้ที่วางเหรียญค้ำประกันจะมีโอกาสถูกระบบสุ่มเลือกขึ้นมายืนยันธุรกรรม สร้างบล็อกใหม่ และรับรางวัลเมื่อทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้องและสุจริต เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ขุด ทำให้ Ethereum สามารถลดพลังงานที่ใช้ไปได้ถึง 99% จึงน่าจะมีส่วนช่วยลดการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลืองที่เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาโลกร้อนได้ด้วย
โรดแมปต่อไปสำหรับ Ethereum
The Merge นับเป็นเพียงขั้นแรกสำหรับการพัฒนาไปสู่ Ethereum 2.0 เท่านั้น โดยเริ่มจากการแก้ปัญหาด้านพลังงานก่อน ส่วนการพัฒนาในด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความกระจายอำนาจ ฯลฯ จะตามมาในขั้นตอนต่อ ๆ ไป โดยมีชื่อเรียกตามลำดับและรายละเอียดดังต่อไปนี้
The Surge - การเพิ่มความเร็วด้วยระบบ Sharding
ระบบ Sharding คือการแบ่งแพคเกจข้อมูลเพื่อให้สามารถประมวลข้อมูลจำนวนมากได้พร้อม ๆ กัน ไม่จำเป็นต้องประมวลข้อมูลขนาดใหญ่ทีละอัน โดย Vitalik คาดว่า Sharding จะทำให้ Ethereum สามารถประมวลธุรกรรมได้มากขึ้น จากเดิมที่เพียง 15 - 20 ธุรกรรม/วินาที เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ธุรกรรม/วินาที
The Verge - ปรับปรุงโครงสร้างเพื่อเพิ่มความกระจายอำนาจ
เป็นการปรับปรุงโครงสร้างข้อมูลของเครือข่าย โดยนำระบบ Verkle trees และ Stateless clients มาใช้ เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถรันโหนดได้โดยไม่จำเป็นต้องบันทึกข้อมูลขนาดใหญ่ไว้ในเครื่อง ทำให้ผู้ใช้รายย่อยสามารถรันโหนดเองได้ง่ายขึ้น จึงสามารถช่วยให้เครือข่ายมีความกระจายอำนาจมากยิ่งขึ้น
The Purge - ล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็นเพื่อลด Technical Debt
The Purge เป็นขั้นตอนที่ผู้พัฒนาจะทำการล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็นในอดีตบางส่วน เพื่อปรับปรุงระบบการจัดเก็บ ลดความแออัดของเครือข่าย และเพื่อกำจัด Technical Debt (หนี้ทางเทคนิค) ที่เคยเกิดขึ้นช่วงแรกของการพัฒนา Ethereum เพื่อทำเครือข่ายสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน
The Splurge - ตรวจสอบความเรียบร้อย
การพัฒนาในขั้นตอนสุดท้าย โดยจะเป็นการอัปเดตแบบจุกจิกและการตรวจสอบให้แน่ใจว่าการอัปเดตใหญ่แต่ละขั้นก่อนหน้านี้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น
ส่งท้าย The Merge เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการพัฒนา Ethereum โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนกันยายน ปี 2022 นี้ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนระบบฉันทามติจากเดิมแบบ Proof-of-Work ที่สิ้นเปลืองพลังงานมหาศาล ไปสู่ Proof-of-Stake ที่สามารถลดพลังงานลงได้มากถึง 99%
นอกจากนี้ Ethereum จะมีการอัปเดตในขั้นตอนต่อ ๆ ไปคือ Surge, Verge, Purge และ Splurge ตามลำดับ แม้จะยังไม่ระยะเวลาที่ชัดเจน แต่จะเป็นการพัฒนาที่คลอบคลุมทั้งในด้านความเร็ว ความปลอดภัย และความกระจายศูนย์ให้กับคริปโทเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกอย่าง Ethereum
*สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**คริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน







