‘วัคซีนโควิด’ ความหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

‘วัคซีนโควิด’ ความหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

การระบาดของโควิด-19ในประเทศไทยยังคงวิกฤติจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมา (รวมคลัสเตอร์ในเรือนจำ) เฉลี่ยสูงถึง 4,000 คนต่อวัน

จำนวนผู้เสียชีวิตยังสูงเกิน 20 รายต่อวันหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไประบบสาธารณสุขของไทยอาจจะถึงขีดจำกัดได้ในวันหนึ่ง

ยิ่งโควิดแพร่ระบาดมากเท่าไหร่ก็ส่งผลโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจมากเท่านั้น สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาปรับตัวลงไปอยู่ที่ระดับ 46 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี 7 เดือน

ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคยังดูไม่สดใส สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ “สภาพัฒน์” ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลงจาก2.5 -3.5% มาเป็น 1.5 - 2.5% ถึงแม้การส่งออกจะขยายตัวได้ดีตามทิศทางเศรษฐกิจโลก แต่เมื่อดูองค์ประกอบอื่นๆโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่รายได้หดหายเหลือเพียง 1.7 แสนล้านบาท จากปกติเกือบ 2 ล้านล้านบาทก็สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความเปราะบางและไม่แน่นอนสูงมาก

เมื่อการระบาดเพิ่มมากขึ้น ไวรัสกลายพันธุ์ทำให้การติดเชื้อสูงขึ้นเวลานี้สิ่งที่พอจะต่อสู้กับไวรัสได้ก็คือ "วัคซีน" ซึ่งจะทำให้การระบาดลดลง จำนวนผู้ป่วยหนัก และเสียชีวิตไม่เพิ่มสูงจนมากเกินไปกระทั่งระบบสาธารณสุขของเรารับไม่ไหว

วัคซีนยังมีผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจในเรื่องนี้มีข้อมูลเชิงประจักษ์แล้วว่าหลายประเทศที่มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนมากพอสามารถผ่อนปรนมาตรการในการควบคุมโรคกิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินไปได้มากขึ้น

ประเทศที่มีการกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนได้รวดเร็วเศรษฐกิจไตรมาสที่ 1 ปีนี้เริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนการผลิตภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการปรับตัวดีขึ้นดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (Composite PMI)ปรับตัวสูงขึ้นในรอบหลายไตรมาส เช่น สหรัฐฯยูโรโซน และ ออสเตรเลีย

ในทางตรงกันข้ามในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศเผชิญกับการระบาดที่รุนแรงส่วนหนึ่งมาจากการกระจายฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยิ่งล่าช้าออกไป ในกลุ่มนี้มีหลายประเทศที่มีการระบาดสูง เช่น อินเดีย บราซิล อาร์เจนตินา และตุรกี รวมทั้งประเทศในอาเซียนอย่างฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนิเซีย รวมทั้งประเทศไทย

ในกลุ่มประเทศเหล่านี้คาดว่ากว่าจะสามารถกระจายวัคซีนจนได้ครอบคลุมประชากร75%จนมี "ภูมิคุ้มกันหมู่" (Herd immunity) อาจต้องใช้เวลาอีกนานไปจนถึงครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งการกระจายวัคซีนที่ล่าช้าจะยังส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่อาจล่าช้าออกไปได้หากภูมิคุ้มกันหมู่ของคนในพื้นที่มีไม่เพียงพอจะรับนักท่องเที่ยวได้

...เมื่อวัคซีนคือความหวังทั้งในเรื่องการยับยั้งการระบาดและการเดินหน้าเศรษฐกิจ โจทย์ใหญ่คือจะทำอย่างไรให้เร่งการฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากขึ้นและรวดเร็วที่สุด

รวมทั้งต้องสร้างสมดุลในการกระจายวัคซีนไปให้กับภาคส่วนทางเศรษฐกิจทั้งในส่วนของการท่องเที่ยว และภาคการผลิตในสถานประกอบการและโรงงานที่มีการผลิตสินค้าป้อนตลาดโลกอยู่ในขณะนี้

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ผู้มีอำนาจทั้งหลายควรเลิกเล่นการเมืองในเรื่องวัคซีนจนประชาชนเกิดความสับสน เวลานี้เป็นช่วยเวลาของการสร้างความร่วมมือเพื่อนำไปสู่แนวทางที่ชัดเจนในเรื่องการจัดหาและการกระจายวัคซีนให้ประชาชนได้รวดเร็วมากที่สุด

เพราะหากมัวแต่เล่นการเมืองกันอยู่การฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดสให้กับประชาชน 50 ล้านคนภายในปีนี้คงไม่มีทางได้ตามเป้าหมายและหากเป็นเช่นนั้นความเสียหายทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นตามมาอีกมากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต้องใช้เวลายาวนานกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้