แผ่นดิน‘พระนางชีบา’กับท่าทีใหม่ของสหรัฐ

แผ่นดิน‘พระนางชีบา’กับท่าทีใหม่ของสหรัฐ

เรื่อง'พระนางชีบา'ปรากฏอยู่ในหลากหลายตำนานของย่านตะวันออกกลาง รวมทั้งในภูมิหลังและคัมภีร์ของบางศาสนา

ผู้เชี่ยวชาญเห็นต่างกัน ส่วนหนึ่งมองว่าสตรีผู้นี้ไม่มีตัวตนจริง ยิ่งกว่านั้น ในบรรดาผู้คิดว่ามีตัวตนจริงยังเห็นต่างกันอีกด้วย บางคนเห็นว่านางมีถิ่นฐานอยู่ในเยเมน บางคนเห็นว่าอยู่ในเอธิโอเปีย

หากถามชาวเยเมน เขาจะยืนยันว่าอยู่ในเยเมนพร้อมกับชี้ให้เห็นหลักฐานในรูปของซากอาคารโบราณในใจกลางประเทศของเขา ซึ่งเป็นทะเลทรายเกือบทั้งหมด ผมเคยไปชมบริเวณอาคารโบราณนั้นเมื่อครั้งยังเป็นพนักงานของธนาคารโลก และพอรู้เรื่องราวที่นำไปสู่ภาวะในขณะนี้ของเยเมนได้แก่ เป็นรัฐล้มเหลวที่เผชิญกับหายนะร้ายแรงที่สุดในโลก จึงขอนำข้อสังเกตบางอย่างมาปันหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ประกาศหยุดหนุนหลังกองกำลังต่างประเทศที่สนับสนุนการทำสงครามกลางเมืองในเยเมน

ปัจจัยที่ทำให้เยเมนเป็นรัฐล้มเหลวมองได้จากหลายแง่มุม การเปลี่ยนท่าทีแบบทันทีทันใดของสหรัฐหลังนายไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี บ่งชี้ถึงปัจจัยหนึ่งซึ่งมาจากภายนอกประเทศ เยเมนตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองมาหลายปีเพราะมีต่างชาติสนับสนุนการช่วงชิงอำนาจปกครองของ 2 กลุ่มหลัก กลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นรัฐบาลล่าสุดก่อนถูกยึดอำนาจและผู้นำบางคนไปลี้ภัยอยู่ในซาอุดีอาระเบียได้รับการสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบียซึ่งมีมหาอำนาจจากแดนไกลรวมทั้งสหรัฐหนุนหลัง อีกกลุ่มหนึ่งเป็นชนเผ่าใหญ่ในประเทศซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านเป็นหลักให้ขับไล่รัฐบาลจนสำเร็จ

เยเมนเป็นประเทศยากจนที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติมาก นอกจากเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของโลกเพราะคุมปากทะเลแดงซึ่งเรือขนาดใหญ่ต้องใช้เพื่อเดินทางผ่านคลองซุเอส อังกฤษควบคุมปากทะเลแดงอยู่นานในสมัยที่ยังเรืองอำนาจ ในช่วงสงครามเย็น กลุ่มคอมมิวนิสต์ช่วงชิงไปได้ชั่วระยะหนึ่งส่งผลให้เยเมนแตกออกเป็น 2 ฝ่ายซึ่งกลับมารวมกันอีกครั้งหลังกลุ่มคอมมิวนิสต์พ่ายแพ้ แต่ก็มิได้เป็นประเทศแบบที่มีการยอมรับจากทุกเผ่า ในบรรดาเผ่าใหญ่ๆ ที่ไม่ยอมรับรัฐบาลกลางทำให้เกิดภาวะต่างคนต่างอยู่ ได้แก่ เผ่าที่เข้ายึดอำนาจและควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในปัจจุบันและมีอิหร่านเป็นพันธมิตรหลัก

การมีเผ่าใหญ่ๆ ชี้ไปที่ปัจจัยภายในประเทศ เผ่าเหล่านั้นเคยแยกกันอยู่แต่มาถูกกดดันให้อยู่รวมกันเพราะผู้รุกรานจากภายนอก ในยุคที่ประชากรยังมีไม่มาก การช่วงชิงทรัพยากรหลักโดยเฉพาะน้ำซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด ไม่ค่อยร้ายแรงหรือขยายไปอย่างกว้างขวางนัก แต่เมื่อประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังเทคโนโลยีใหม่โดยเฉพาะทางการแพทย์เข้าไปถึง การช่วงชิงเข้มข้นขึ้นเป็นเงาตามตัว

การช่วงชิงดังกล่าวถูกซ้ำเติมด้วยปัจจัยอีกหลายอย่าง รวมทั้งความร่ำรวยจากการควบคุมราคาน้ำมันปิโตรเลียมให้อยู่ในระดับสูงได้และคำสาปของเทคโนโลยี ประเด็นนี้ผมได้อธิบายไว้ในหนังสือชื่อ “จดหมายจากวอชิงตัน” (ดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com) กระบวนการเป็นดังนี้

การควบคุมราคาน้ำมันได้ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีรายได้มหาศาล และใช้รายได้นั้นทำโครงการสารพัดเพื่อพัฒนาประเทศ ชาวเยเมนจำนวนมากเข้าไปทำงานที่นั่นและส่งเงินกลับไปบ้านเกิด เงินนั้นกระตุ้นให้เศรษฐกิจเยเมนเฟื่องฟูอยู่ชั่วขณะ เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น ชาวเยเมนโดยทั่วไปใช้ซื้อใบ “คัต” ซึ่งมีสารกระตุ้นคล้ายยาเสพติดมาบริโภคกันอย่างทั่วถึง ผู้ทำไร่ใบไม้นั้นลงทุนเจาะบ่อบาดาลขนาดลึกจำนวนมากจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เอื้อให้ทำได้ง่ายขึ้น เพียงไม่นาน บ่อบาดาลเหล่านั้นก็ทำให้ขุมน้ำใต้ดินที่มีอยู่อย่างจำกัดเหือดแห้งนำไปสู่การแย่งชิงน้ำกันเพิ่มขึ้นแบบแทบก้าวกระโดด พร้อมกันนั้น การผลิตอาหารก็ทำได้ยากมากขึ้นส่งผลให้ความอดอยากแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเมื่อคนงานเยเมนจำนวนมากถูกขับไล่ออกจากซาอุดีอาระเบีย

ท่ามกลางการขาดแคลนน้ำ ความอดอยากและสงครามกลางเมือง เยเมนถูกซ้ำเติมด้วยโควิด-19 ยังผลให้ตกอยู่ในภาวะหายนะทั้งประเทศ ท่าทีของสหรัฐอาจช่วยยุติสงครามกลางเมืองได้ แต่เยเมนจะประสบวิกฤติต่อไปอีกนาน วิกฤตินั้นจะจบลงอย่างไรยากแก่การทำนายในขณะนี้