แกะกล่องของขวัญ…สร้างขุมทรัพย์ลงทุนต้นปี 2021

แกะกล่องของขวัญ…สร้างขุมทรัพย์ลงทุนต้นปี 2021

สวัสดีปีใหม่!!! วันนี้ขอเริ่มต้นปีด้วยการชวนนักลงทุนมาแกะกล่องของขวัญที่จะช่วยสร้างขุมทรัพย์ให้พอร์ตลงทุนกันตั้งแต่ต้นๆ ปีเลย

หากพร้อมแล้ว เรามาเริ่มที่ของขวัญชิ้นแรกคือ วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่คาดว่าจะได้ใช้กันอย่างทั่วถึงขึ้น นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แห่งวงการการแพทย์ที่สามารถพัฒนาวัคซีนสำหรับโรคอุบัติใหม่ในเวลาไม่ถึงปี ความหวังต่อวัคซีนนำมาซึ่งของขวัญชิ้นที่สองคือ 2021 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจฟื้นตัว กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF พยากรณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้ 5.2% จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะกลับมาดำเนินปกติ รวมถึงการค้าขายระหว่างประเทศที่ฟื้นตัว ส่วนหนึ่งจากความสัมพันธ์ของจีนและสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายขึ้น จากของขวัญชิ้นที่สามคือ การเปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารในสหรัฐฯ ที่ นายโจ ไบเดน จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแทน นายโดนัลด์ ทรัมป์ และในปีเดียวกัน เอเชียก็ได้ของขวัญพิเศษอีกหนึ่งชิ้นคือ จีนจะเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่ ที่น่าจะเป็นประโยชน์ทั้งกับเสถียรภาพการเติบโตภายในของจีนรวมทั้งภูมิภาคเอเชีย


ของขวัญแต่ละชิ้นล้วนเชื่อมโยงและสร้างความสดใสให้ภาพรวมการลงทุนอย่างน้อยก็ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 แม้ระหว่างทางอาจสะดุดเป็นระยะๆ ได้ เช่น ความคุ้นชินกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความกังวลว่าตลาดทุนจะไปต่อได้ไหมถ้ารัฐถอนโยบายพิเศษ ใครจะจัดการกับปัญหาหนี้ท่วมโลก และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าโรคโควิด-19 ไม่จบ…


เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวแรงแต่ไม่ถึงจุดที่เงินเฟ้อเร่งตัวจนกดดันให้ธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ แรงหนุนจากการใช้จ่ายงบประมาณจะออกมาในขนาดเล็กลง แต่ตรงจุดขึ้น เช่น ในสหรัฐฯ คาดว่ารัฐบาลใหม่จะมุ่งช่วยภาคครัวเรือนและการจ้างงาน


หนี้ที่พุ่งขึ้นเพราะช่วยพยุงเศรษฐกิจจากทั้งภาครัฐ ธนาคารกลาง และเอกชน มูลค่ารวมสูงถึง 272 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 363% ของขนาดเศรษฐกิจโลก เปรียบเสมือนแผลเป็นจากวิกฤต โชคดีที่หนี้ส่วนใหญ่เป็นของรัฐซึ่งมีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ จึงจัดการได้ สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือจะใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์แท้จริงและในระยะยาวอย่างไร


ข้อมูลการระบาดของโรคโควิด-19 ช่วงก่อนวันหยุดสิ้นปี ดูจะไม่จบ หลายประเทศเผชิญกับการระบาดอีกครั้ง ทำให้ต้องจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่การล๊อคดาวน์มักตีกรอบเฉพาะพื้นที่เสี่ยง สิ่งสำคัญคือประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขและวัคซีน


ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ยังคงเป็นช่วงที่ดีสำหรับการลงทุนในหุ้น อย่างไรก็ตาม ปี 2020 เป็นปีที่ Main Street ฉีกออกจาก Wall Street ชัดเจน นั่นคือ เศรษฐกิจจริงหรือ Main Street ตกต่ำ แต่ราคาสินทรัพย์ส่วนใหญ่หรือ Wall Street กลับมีผลงานโดดเด่น ราคาหุ้นโลกในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมสูงขึ้นจากปีก่อนๆ มาก การบริหารเชิงรุกจึงสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนักลงทุนไม่ควรกวาดซื้อหุ้นทั้งตลาดแต่ต้องเลือกเฉพาะหุ้นที่ยังมีศักยภาพสร้างกำไรให้ทันกับราคาที่ขึ้นไป ขณะเดียวกันก็แข็งแรงพอที่จะต้านทานต่อความผันผวนจากความกังวลต่างๆ ได้ ซึ่งไม่ใช่งานง่ายๆ หากนักลงทุนไม่มีข้อมูล เวลา หรือความเชี่ยวชาญ ควรส่งต่อให้เป็นหน้าที่ผู้จัดการกองทุน


มองกว้างๆ หุ้นที่น่าจะสร้างผลตอบแทนดีได้ต่อคือ หุ้นจีนและเอเชีย เพราะนอกจากเศรษฐกิจจีนจะแข็งแกร่งที่สุดในปี 2020 แล้ว ปีนี้ IMF ยังคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะโตได้ถึง 8.2% จากการจับจ่ายในประเทศ นอกจากนี้ หุ้นที่น่าสนใจอีกกลุ่มคือหุ้นที่สอดคล้องกับกระแสหลักหรือ Megatrends โดยเฉพาะการสร้างนวัตกรรมสนับสนุนวิถีชิวิตและธุรกิจแนวใหม่ การรักษ์โลก และความยั่งยืน


แม้หุ้นจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่พร้อมรับความเสี่ยงสูง แต่ยังควรกระจายเงินลงทุนไปที่สินทรัพย์อื่นเช่นตราสารหนี้และทองคำ เช่นเสริมรายได้ให้พอร์ตด้วยการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเน้นไปที่เอเชียและจีน ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรและหุ้นกู้ในภูมิภาคอื่น และมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้ต่ำกว่า


โดยสรุป แม้ภาพรวมปี 2021 ดูดีขึ้น แต่บทเรียนที่ผ่านมาสอนว่าความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอและแบบไม่ให้ตั้งตัว ดังนั้น การบริหารเชิงรุก การติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด และการกระจายความเสี่ยง ยังคงเป็นหัวใจในการสร้างขุมทรัพย์ลงทุนต่อไป