5 คำทำนายในปี 2021 (ตอนที่ 2/2)

5 คำทำนายในปี 2021 (ตอนที่ 2/2)

ผู้เขียนได้เปิด 3ใน 5 คำทำนายปี 2021 ได้แก่ วัคซีนจะมาช้า เศรษฐกิจฟื้นแบบหลุม และสงครามเย็นแบบAvenger และนี่คืออีก 2 คำทำนาย ที่เหลือ

ในฉบับที่แล้ว ผู้เขียนได้เปิด 3 คำทำนายแรกของปี 2021 อันได้แก่ หนึ่ง วัคซีนจะมาช้ากว่าคาด โดยมองว่าการคิดค้น อนุมัติ จะแจกจ่ายทั่วโลกจะช้ากว่าที่วางแผนไว้ สอง เศรษฐกิจจะฟื้นแบบช้อน แบบหลุม และแบบตัว K โดยเศรษฐกิจจีนจะฟื้นเร็วสุด สหรัฐเป็นแบบช้อน ไทย ยุโรป และญี่ปุ่นจะเป็นแบบหลุม คือซึมลึกก่อนฟื้นตัว รวมถึงภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นเป็นรูปตัว V แต่ภาคบริการจะเป็นหางของ K ที่ต่ำยาว และสาม สงครามเย็นระหว่างสหรัฐกับจีนจะลากยาว แต่จะเป็นแบบ Avenger รวมพล โดยทั้งสหรัฐและจีนจะพยายามชักจูงพันธมิตรให้มาเข้าพวกเพื่อโดดเดี่ยวอีกฝ่ายหนึ่ง

และนี่คือ 3 คำทำนายแรก อีก 2 คำทำนายนั้น มีดังนี้

คำทำนายที่ 4 Tech-celelation หรือการเร่งตัวของเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด

วิกฤต COVID ที่จำกัดการปฏิสัมพันธ์โดยตรง ทำให้มนุษยชาติน้อมรับเทคโนโลยี (Technological adoption) รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดย บ. ที่ปรึกษา McKinsey กล่าวว่าผู้บริโภคและภาคธุรกิจย่นระยะเวลาน้อมรับเทคโนโลยีต่าง ๆ จาก 5 ปี เหลือประมาณ 8 สัปดาห์ และสิบปีเหลือ 3 เดือนสำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเฉพาะผู้บริโภคในสหรัฐและอิตาลี (นั่นคือเร่งไปปี 2025-2030) 

ด้านการทำธุรกรรมการเงิน นิตยสาร The Economist ระบุว่าส่วนแบ่งการทำธุรกรรมแบบไม่ใช้เงินสด (Cashless transaction) ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึงระดับที่คาดว่าจะได้เห็นในสองถึงห้าปี ส่วนด้านการแพทย์ รายงานจาก New York Times ระบุว่าบริการทางการแพทย์ในอังกฤษได้ย่นระยะเวลาจากหนึ่งทศวรรษเหลือหนึ่งสัปดาห์หลังจากแพทย์เปลี่ยนไปใช้การให้คำปรึกษาผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ

ด้วยภาพดังกล่าว ผู้เขียนจึงมองว่ากระแส Tech-celelation จะส่งผลกระทบกับ 3 กลุ่มธุรกิจทั่วโลก ได้แก่

หนึ่ง ธุรกิจ IT เนื่องจาก COVID ทำให้ความจำเป็นในการทำธุรกิจแบบ Social Distancing มากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ Software ทั่วโลกที่จะขยายตัวประมาณ 7% ในขณะที่ธุรกิจแบบ Backup system และ Cloud-based software (หรือที่เรียกว่า Infrastructure as a service) จะโตถึง 28% ทำให้ผู้นำอย่าง Amazon, Google, Microsoft จะเข้ามาแข่งขันในธุรกิจ Data Center มากขึ้น

สอง ธุรกิจค้าปลีก จะกลับมาเติบโตได้ประมาณ 3% หลังจากหดตัวกว่า 5% ทั่วโลก โดยประเทศในเอเชีย เช่น จีน เวียดนามและฟิลิปปินส์ รวมถึงในสหรัฐจะเติบโตได้ดีในระดับ 4-7% ผลจากการช้อปปิ้งออนไลน์รวมถึง Omni Channel เช่น Click-and-collect ที่มากขึ้น

และ สาม ธุรกิจ Telecom ที่จะได้ประโยชน์จาก Online shopping และ Work from home มากขึ้น แต่กำลังซื้อผู้บริโภคที่น้อยลง รวมถึงค่าใช้จ่ายของธุรกิจในการน้อมรับกระแส 5G ที่ต้องลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐานเชิงโครงสร้าง (Infrastructure) จะเป็นตัวกดดันผลกำไร แต่ในระยะยาวจะได้ประโยชน์เต็มที่จากกระแสดังกล่าว

คำทำนายสุดท้าย ปี 2021 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติพลังงานสะอาด (Clean energy Revolution)

ที่ผ่านมา มนุษยชาติพยายามลดภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2015 กว่า 190 ประเทศได้ลงนามใน Paris Agreement ในการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศโลก (COP21) โดยให้คำมั่นว่าจะพยายามลดการเพิ่มของอุณหภูมิโลก (ภาวะโลกร้อน) ให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เทียบกับช่วงก่อนการปฎิวัติอุตสาหกรรม ภายในปี 2050

ดังนั้น ในการประชุม COP-26 ที่อังกฤษในปลายปี 2021 สหภาพยุโรปจะประกาศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050 เช่นเดียวกับสหรัฐ ส่วนจีนจะลด "การปล่อยก๊าซคาร์บอน" ให้เหลือศูนย์ภายในปี 2060

ด้วยภาพดังกล่าว ผู้เขียนจึงมองว่าปี 2021 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติพลังงานสะอาด ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน 3 จุด

หนึ่ง ความต้องการน้ำมันถึงจุดสูงสุดแล้ว และจะลดลงในระยะต่อไป พร้อม ๆ กับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้น (Peak oil and Rising EV trend) แม้ผู้เขียนจะคาดว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลก (Demand for oil) จะเพิ่มขึ้นในปีหน้ามาอยู่ที่ 96 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากประมาณ 91 ล้านในปีนี้ และ 99 ล้านบาร์เรลในปี 2019 แต่ก็เป็นเพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจช่วงสั้น แต่ในระยะต่อไป ความต้องการน้ำมันจะลดลงต่อเนื่อง

ขณะที่คาดว่ายอดขายรถยนต์นั่งและรถบรรทุกทั่วโลกในปี 2021 จะเพิ่มขึ้น 15% อยู่ที่ประมาณ 80 ล้านคัน จากปี 2020 ที่ 70 ล้านคัน และ 2019 ที่ 84 ล้านคัน แต่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 ล้านคัน (4.3% ของรถยนต์ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 2.5% ในปี 2019) โดยนโยบายของประเทศต่าง ๆ จะสนับสนุนการใช้ EV และลดการอุดหนุนการใช้เครื่องยนต์สันดาป (ICE)

สอง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแร่ธาตุหายากและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดจะเฟื่องฟู โดยที่ผ่านมา โลกพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิง Fossil เกินกว่า 80% แต่นับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป การพึ่งพิงแหล่งพลังงานหมุนเวียนจะเพิ่มขึ้นจาก 5% ของกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าในวันนี้เป็น 25% ในปี 2035 และเกือบ 50% ในปี 2050

กระบวนการดังกล่าวจะทำให้ผู้ผลิตอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้ประโยชน์ โดยเฉพาะจีนที่เป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ถึง 72% ของการผลิตทั่วโลก และเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและกังหันลมถึงกว่า  69% และ 45% ทั่วโลก และยังเป็นผู้ผลิตหลักของแร่ธาตุที่สำคัญเช่นโคบอลต์และลิเธียม ขณะที่ในยุโรปก็มีผู้พัฒนาฟาร์มกังหันลมและโซลาร์ฟาร์มยักษ์ใหญ่เช่น Orsted, Enel และ Iberdrola กำลังสร้างโครงการดังกล่าวทั่วโลก ขณะที่สหรัฐล้าหลังในเรื่องดังกล่าว ทำให้เป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีไบเดนจะเร่งพัฒนาในประเด็นดังกล่าว

และ สาม การลงทุนที่เกี่ยวกับสีเขียวจะเฟื่องฟู โดย Clean energy revolution ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการเงิน กล่าวคือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเริ่มเข้าสู่ขาลง เช่น ExxonMobil ที่ถูกให้ออกจากดัชนี ดาวโจนส์ ขณะที่เทสล่าได้เข้าร่วมใน S&P 500

ด้านการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนทั่วโลกได้เพิ่มขึ้น 70% ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ขณะที่ในปีนี้ ดัชนีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 45% หลังจากที่ โจ ไบเดน ประกาศว่าจะตั้งงบประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลดปริมาณการใช้คาร์บอนในสหรัฐ ดังนั้น ผู้เขียนจึงเชื่อว่าการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตก้าวกระโดดในปี 2021

กล่าวโดยสรุป ในปีหน้า (1) วัคซีนจะมาช้า (2) เศรษฐกิจจะฟื้นแบบช้อน แบบหลุม และแบบตัว K (3) สงครามเย็นจะเป็นแบบ Avenger (4) จะเป็นปีแห่ง Tech-celelation และ (5) เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติพลังงานสะอาด (Clean energy Revolution)

ผู้อ่านทั้งหลาย เตรียมพร้อมกับความเสี่ยงและโอกาสในปีหน้าแล้วหรือยัง/////

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

(บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัดอยู่)