เรื่องไม่จริงของโควิด

เรื่องไม่จริงของโควิด

เรื่องที่สงสัยว่าจะเป็น fake news เกี่ยวกับโรคโควิด-19 นั้นเห็นทุกวันและซ้ำๆ อยู่ไม่กี่เรื่องจนชักไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

วันนี้ขอเขียนเรื่องนี้แต่ขอบอกก่อนว่าต้องทำใจกว้างนะครับ เพราะบางเรื่องอาจตรงข้ามกับสิ่งที่ท่านเชื่ออยู่    ผมมั่นใจว่าเรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นเรื่องที่มีความจริงสนับสนุนอย่างถูกต้อง เหตุที่มั่นใจว่าถูกต้องก็เพราะผมนำเนื้อหามาจากนิตยสารทางวิทยาศาสตร์อันดับหนึ่งของโลกคือ Scientific American ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2020 ถ้าไม่จริงเขาคงไม่นำมาลงอย่างแน่นอน

           เรื่องแรก  ความเชื่อว่าไวรัสที่ทำให้ป่วยเป็นโรคโควิด-19 นั้นถูกสร้างขึ้นในห้องแล็บของจีน    เนื่องจากรายแรกเกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น    อีกทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และพวกใช้เรื่องประเภทสมคบกันอย่างลับ  ที่เรียกกันว่า conspiracy theories ตอกย้ำอย่างใช้จินตนาการที่ไม่มีหลักฐานให้ผู้คนคล้อยตามว่าเป็นเรื่องจริงแท้อย่างแน่นอนอยู่เสมอ

                        ทำไมถึงไม่เป็นความจริง   หน่วยงานราชการเกี่ยวกับความมั่นคงและสืบหาข้อมูลลับของสหรัฐพบความจริงตรงกันเช่นเดียวกับความเห็นของวงการวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวางว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเท็จ    ขณะนี้จีนได้เชิญนักวิจัยจากองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยเป็นคณะทำงานอิสระนานาชาติเข้าไปสืบสวนหาความจริงเกี่ยวกับการปรากฏตัวของไวรัสตัวนี้ที่มีชื่อทางการว่า SARS-Cov2 แล้ว

                      เหตุใดผู้คนถึงเชื่อ    มนุษย์ต้องการหา “แพะรับบาป” สักตัวในเรื่องนี้ที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมารตลอดจนความตกต่ำของเศรษฐกิจ ดังนั้นจีนซึ่งปรากฏตัวว่าเป็นคู่แข่งของสหรัฐขึ้นทุกทีจึงเป็นเป้าที่เหมาะเจาะ     อุบัติเหตุที่ทำให้เชื้อโรคหลุดออกมานอกห้องทดลองเกิดขึ้นในบางครั้ง     แต่ในเรื่องไวรัสตัวร้ายนี้มีความเป็นไปได้ต่ำมาก   แต่แม้โอกาสน้อยนิดนี้ก็พอที่จะสร้างความชอบธรรมให้แก่ “นิยาย” ที่ว่าจีนจงใจสร้างขึ้นมาเพื่อปล่อยเป็นอาวุธชีวภาพออกสู่โลก

                        เรื่องที่สอง     โควิด-19 มิได้เลวร้ายไปกว่าไข้หวัดใหญ่     เรื่องนี้เกี่ยวพันกับการเมืองของสหรัฐ    กล่าวคือ ทรัมป์โกหกคนอเมริกันมาตลอดว่าโควิด-19 ไม่ร้ายแรงกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลและเมื่อพลาดไปในการดูแลควบคุม การระบาดก็ต้องโกหกต่อไป    สหรัฐมีคนป่วยเป็นอันดับหนึ่งของโลกทั้งจำนวนคนเป็นโรคและตาย (เป็นโรคถึง 13.5 ล้านคน   ตาย 268,000 คน  ทั้งโลกป่วย 63.2  ล้านคน     ตาย 1.5 ล้านคน)    เปรียบเทียบกับอินเดียอันดับสอง ป่วย 9.4 ล้านคน     ตาย 137,000 คน    ถึงแม้อินเดียจะมีประชากร 1,300 ล้านคน  และสหรัฐ 330 ล้านคน  สหรัฐร่ำรวยกว่าอย่างเทียบไม่ได้  แต่อินเดียกลับทำได้ดีกว่ามาก

                      ทำไมถึงไม่เป็นความจริง     ถึงแม้อัตราการตายของโควิด-19 ยังไม่แน่นอน    แต่ก็คงอยู่ประมาณ 0.5 ถึง 1 เปอร์เซ็นต์     เปรียบเทียบกับไข้หวัดใหญ่  0.1 เปอร์เซ็นต์ ในแต่ละปีมีคนตายจากไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐประมาณ 12,000-61,000 คน     ในทางตรงกันข้ามสหรัฐตายไปแล้วด้วยโควิด-19 ถึง268,000 คน   และเชื่อว่าจะทะลุ 300,000คนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังนั้น มันไม่ใช่โรคป่วยเล่น  เพราะในบางกรณีถึงไม่ตายปอดก็ถูกทำลายจนอาจทำให้อายุขัยสั้นไปเป็นสิบปีได้

                      เหตุใดผู้คนถึงเชื่อ เมื่อผู้นำสหรัฐซึ่งมีคนเชื่อถือจำนวนมากเพราะตำแหน่ง    พูดทุกวันว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเพราะเบากว่าไข้หวัดใหญ่    แถมบอกว่าตัวเลขของการตายจากโควิด-19 นั้นเว่อร์มาก     คนจึงเชื่อเป็นธรรมดา

                        เรื่องที่สาม   ไม่จำเป็นต้องใส่แมสค์    ถึงแม้ว่าจะมีความเห็นพ้องในวงการสาธารณสุขในเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมาว่าหน้ากากอนามัยหรือแมสค์ช่วยจำกัดการติดเชื้อโรค    ผู้ใช้ก็ไม่ปล่อยเชื้อออกมาในกรณีที่อาจเป็นโดยไม่รู้ตัวและถึงไม่เป็นก็ป้องกันการติดเชื้อ    การใส่แมสค์จึงเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง     แต่ทรัมป์ก็ปฏิเสธไม่ยอมใส่จนตัวเองและครอบครัวติดเชื้อเนื่องจากไม่ยอมทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งประกาศแนะนำให้ผู้คนใส่เพราะกลัวเสียหน้า

                        ทำไมถึงไม่เป็นความจริง      เป็นเวลานานมากแล้วที่นักระบาดวิทยาถือว่าการใส่แมสค์คือวิธีการที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการกระจายและรับเชื้อ    แพทย์และพยาบาลใส่ในห้องตรวจโรคหรือห้องผ่าตัดในยามปกติด้วย  งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ที่มีชื่อเสียงของโลกคือ Lancet เมื่อเร็ว  นี้มาจากการศึกษางานวิจัยกว่า 170 ชิ้น   และพบว่าการใส่แมสค์ป้องกันโรคโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน     คนติดเชื้อโควิด-19 บางคนอาจไม่มีอาการแต่ก็สามารถแพร่เชื้อได้ ดังนั้นทุกคนควรใส่แมสค์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

                        เหตุใดผู้คนถึงเชื่อ     ในช่วงแรก WHO ไม่ได้แนะนำให้ใส่แมสค์ยกเว้นมีอาการติดเชื้อเพราะอ้างว่ากลัวไปแย่งแมสค์ที่ขาดแคลนจนบุคลากรทางการแพทย์ไม่มีใช้ได้ (ฟังไม่ขึ้นเพราะต้องบอกความจริงให้ชาวโลกรู้ว่าแมสค์สำคัญเพียงใดและเขาหาหนทางกันเองได้ดังแมสค์ผ้าที่ออกมามากมายในขณะนี้)  ทางการจีนแนะนำให้ใส่แต่แรก แต่มีคนรับฟังน้อย

                        เรื่องที่สี่  การพบคนป่วยโควิด-19 มากก็เพราะตรวจมาก    คำพูดนี้ทรัมป์ใช้แก้ตัวมาตลอดว่าเพราะสหรัฐตรวจโควิด-19 มากก็ต้องพบมากเป็นธรรมดา    ประเทศอื่นไม่ตรวจจึงไม่พบ   

                                    ทำไมถึงไม่เป็นความจริง     ถ้าหากข้อความข้างต้นจริง  จำนวนคนป่วยโรคนี้ที่เข้าโรงพยาบาลและตายต้องไม่มีความสัมพันธ์กับจำนวนคนที่พบจากการตรวจ     แต่ความจริงในสหรัฐก็คือมีคนป่วยมากทุกวัน   ขนาดถึงวันละ 150,000 คน   และจำนวนการตรวจก็สูงด้วย     ถ้าสิ่งที่ทรัมป์พูดจริง    จำนวนคนป่วยเข้าโรงพยาบาล และตายต้องลดน้อยลง   จำนวนเหล่านี้มันฟ้องอยู่แล้วว่ามีการระบาดหนัก

                        เหตุใดผู้คนจึงเชื่อ    ในตอนแรกสหรัฐมีการขาดแคลนชุดตรวจโรคโควิด-19     ต่อมาเมื่อมีชุดตรวจมากขึ้นก็ปรากฏตัวเลขคนติดเชื้อสูงขึ้น   ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ผู้คนอาจทึกทักว่าเหตุที่มีคนป่วยมากขึ้นก็เพราะมีการตรวจมากขึ้น

                                    ถึงแม้ความจริงจะเป็นเช่นที่กล่าวมาและรู้ว่าเหตุใดคนจึงเชื่อ fake news เหล่านี้แต่ผู้คนส่วนหนึ่งก็จะยังคงยึดถือความเชื่อเดิมเพราะฝังใจเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยินมา  มนุษย์นั้นมีจุดอ่อนตรงที่มักเชื่อในสิ่งที่ตนเองอยากจะเชื่อเสมอ

------------------------------------------