‘หงส์ดำ’ อาละวาดโลก

‘หงส์ดำ’ อาละวาดโลก

เป็นเวลานับพัน ๆ ปีที่มนุษย์เชื่อว่าหงส์มีแต่สีขาว  เพราะไม่เคยมีใครเห็นสีอื่น  คนสมัยนั้นคิดว่าหงส์ดำ (black swan) เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกใน 4-5 ปี ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนจำนวนมากมายจนทำให้เห็นว่าชีวิตมนุษย์มิได้เดินไปบนถนนที่เป็นเส้นตรงดังที่เคยเข้าใจ    หากเป็นถนนที่มีทั้งโค้งและหักงออย่างคาดไม่ถึงหลายครั้งในชีวิต     การเข้าใจเหตุการณ์ชนิดที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันจะทำให้เดินบนถนนนี้ได้อย่างปลอดภัยขึ้น

                        วันนี้ขอกลับไปเยี่ยม “หงส์ดำ” ที่ผู้เขียนเคยเขียนถึงเมื่อหลายปีก่อนอีกครั้ง    

เป็นเวลานับพัน ๆ ปีที่มนุษย์เชื่อว่าหงส์มีแต่สีขาว  เพราะไม่เคยมีใครเห็นสีอื่น  คนสมัยนั้นคิดว่าหงส์ดำ (black swan) เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่หงส์ขาวเท่านั้น

                        อย่างไรก็ดี โลกตกตะลึงในปี .. 1697 เมื่อ William de Vlamingh พบหงส์ดำในออสเตรเลียตะวันตก    เชื่อกันว่าพบในบริเวณที่เรียกว่า Swan River ในปัจจุบันซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านเมือง Perth ของรัฐออสเตรเลียตะวันตก และ The University of Western Australia (มหาวิทยาลัยเก่าของผู้เขียน  ทั้งสององค์กรมีหงส์ดำปรากฏอยู่บนตราสัญลักษณ์)

                        การไม่เคยเห็นหงส์ดำมิได้หมายความว่ามันไม่มี เพียงแต่ยังไม่เคยเห็นมันเท่านั้นในหนังสือชื่อ The Black Swan (2007) เขียนโดย Nassim Nicholas Taleb  เขาจึงเรียกเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อชีวิต   อาชีพ     การประกอบธุรกิจ  ฯลฯ  ทั้งในทางบวกและลบว่า Black Swan (ขอเรียกย่อ  ว่า BS______ ถึงแม้จะเป็นตัวย่อที่ไม่ค่อยดีนักก็ตาม)

                        ถ้าเป็นภาษาสมัยใหม่ BS เป็นสิ่งที่เรียกว่า outlier    ซึ่งหมายถึงคนหรือสิ่งที่อยู่          ข้างนอก” (เช่น คำพยากรณ์หรือความเห็นที่ต่างกว่าชาวบ้านทั้งปวง)  ซึ่งในที่นี้คือสิ่งที่อยู่ข้างนอกการคาดคะเนทั้งหมด    ถ้าจะเป็น BS ก็ต้องมี 3 ลักษณะคือ  (1)  เป็น outlier    (2)  ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง   และ (3) เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็สามารถย้อนกลับไปพิจารณาเพื่อหาคำอธิบายและคำพยากรณ์ต่อไปได้

                        ตัวอย่างของ BS ก็ได้แก่    สงครามโลก   การประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์   Internet     การล่มสลายของสหภาพโซเวียต    เหตุการณ์ 9/11   เศรษฐกิจการเงินของโลกผันผวนครั้งใหญ่                   (2007-2008)     การเกิดขึ้นของ social media     การเกิดขึ้นของโควิด-19   ฯลฯ

Donald Rumsfeld อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐบอกว่าในโลกนี้มี 3 สิ่งที่ต้องแยกให้ออก   กล่าวคือสิ่งที่เรารู้ (knowns)      สิ่งที่เรารู้ว่าไม่รู้ (known unknowns)   และสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้(unknown  unknowns)

                        ตัวอย่างเช่นเราเข้าไปในห้องที่มีคนจัดให้มืดมิด   และเขาเปิดประตูให้แมวเข้าไป          หนึ่งตัว   ดังนั้น knowns ก็คือในห้องมีแมวหนึ่งตัวแน่นอน    สิ่งที่เรารู้ว่าไม่รู้ (known unknowns)  ก็คือไม่รู้ว่ามีสัตว์อื่น หรือสิ่งของอื่นอยู่ในห้องนั้นด้วยหรือไม่      ส่วนสิ่งที่ไม่รู้ว่าเราไม่รู้ (unknown unknowns) ก็คืออาจมีสัตว์และสิ่งอื่นนอกจากแมวที่เรารู้ว่ามีอยู่นั้นไปทำอะไรที่ทำให้เราเกิดอันตรายได้หรือไม่  เช่น  ไปเจาะรูจนงูเห่าเข้ามาอยู่ในห้อง หรือเราไม่รู้ว่าพื้นปกติในห้องนั้นเกิดหลุมลึกที่ทำให้เราตกไปตายได้หรือไม่    กล่าวสั้น  ก็คือเราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร     ถ้าเรารู้ว่าเราไม่รู้อะไร   เรายังพอเตรียมตัวรับมือได้

                        ในยุคปัจจุบันเราเห็น BS โผล่ขึ้นมาจากน้ำบ่อย และส่งผลกระทบต่อเนื่อง       ไม่ว่าเราจะวางแผนในอนาคตไว้ดีอย่างไร    ไอ้นกดำนี้ก็จะโผล่ขึ้นมาทำให้แผนการของเราต้องเปลี่ยนอยู่เสมอ เช่น  วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐและโลกในปี 2007-2008    เทคโนโลยีป่วนโลก  โควิด-19     ฯลฯ

                        คำถามที่น่าสงสัยก็คือ BS เกิดขึ้นได้อย่างไร?   Taleb อธิบายว่าเหตุที่มนุษย์ประสบสิ่งที่ไม่คาดคิดเลยจนตั้งหลักไม่ติดนั้นก็เพราะมนุษย์มีทางโน้มที่จะใช้ความรู้และประสบการณ์ที่มีของตัวเองไปใช้ในการพยากรณ์อนาคต      อย่างไรก็ดีความรู้และประสบการณ์ของเรานั้นมีพื้นฐานมาจากความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่คนอื่น “ประดิษฐ์” ให้เรา     ซึ่งสิ่ง “ประดิษฐ์” นี้มักไม่ถูกต้องจนทำให้เราคาดมองอนาคตผิด    มองไม่เห็นสิ่งที่น่าจะมองเห็น

                        Taleb บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นส่วนๆ แยกจากกัน    เมื่อเวลาผ่านไปมนุษย์ก็พยายามถักทอเชื่อมต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านั้นขึ้นเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อหาคำอธิบาย    นานวันเข้าเมื่อมีคนเชื่อมากขึ้น   “เรื่องแต่ง” นั้นก็จะกลายเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน”    ขึ้นทุกที  สิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์นั้นอาจไม่ใช่บทเรียนจริง   เพราะประวัติศาสตร์เป็นเรื่อง “ประดิษฐ์” ขึ้นโดยอยู่พื้นฐานของการตีความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เชื่อมโยงถึงกัน (นโปเลียนบอกว่า “ประวัติศาสตร์คือ “ ชุดของคำโกหกที่เห็นพ้องกัน” ______ History is a set of lies agreed upon.)     บางคนบอกว่า history ใกล้เคียงกับ his +story

                        ตราบที่มนุษย์พยายามหาเหตุและผลอธิบายหลายเหตุการณ์ในอดีตโดยโยงใยให้เป็นเรื่องราวที่อธิบายได้และนำมาใช้พยากรณ์ได้สำหรับอนาคตโดยไม่มีใครบอกได้ว่าเรื่องเล่านั้นถูก             หรือผิด    เมื่อนั้นมนุษยก็จะมีโอกาสผิดพลาดในการพยากรณ์อนาคตจนพบกับ BS อยู่เสมออย่างไม่ได้เตรียมตัว

                        Black Swan เตือนใจให้ผู้ลงทุน     นักธุรกิจ      ผู้ประกอบการ     ผู้นำ     ฯลฯ   ไม่ประมาทและเข้าใจโลกได้ดียิ่งขึ้น      ตระหนักว่าสิ่งที่ยังไม่เคยเห็นและยังไม่เคยเกิดขึ้น   มิได้หมายความว่าไม่มีและจะไม่เกิดขึ้น (เป็นไปได้อย่างไรที่คนอเมริกัน 63 ล้านคน เมื่อสี่ปีก่อนเลือกคนเช่น โดนัล ทรัมป์ มาเป็นประธานาธิบดี  และ 80 ล้านคนเลือกเขาเป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย)

                        สิ่งที่ไม่รู้จักและไม่คาดว่าจะเกิดแต่ก็เกิดคือ Black Swan  สิ่งที่เราไม่รู้ว่าไม่รู้นั้นมีมากมายนักดังนั้นหงส์ดำจะไม่มีวันสูญพันธุ์    สิ่งที่เราควรทำก็คือดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังไม่ประมาทไม่ว่าในเรื่องชีวิตส่วนตัวหรือการงานก็ตามที