เลือกตั้งสหรัฐ  :  เลือก ‘เทพ’ หรือ ‘มาร’

เลือกตั้งสหรัฐ  :  เลือก ‘เทพ’ หรือ ‘มาร’

เลือกตั้งสหรัฐอเมริกาในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้เป็นที่จับตามองของชาวโลก และชาวอเมริกันเป็นพิเศษอย่างไม่เคยมีมาก่อน

เพราะหมายถึงว่าจะเป็นอีกสี่ปีของ “ความน่าหวาดหวั่น” หรือสี่ปีของการเปลี่ยนแปลงกลับไปสู่ความเป็นปกติของสหรัฐอเมริกาซึ่งมีผลกระทบต่อชาวโลก ลองมาดูกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะระหว่างประธานาธิบดี Trump กับ Joe Biden 

                        บทความนี้พยายามเขียนให้ใกล้วันเลือกตั้งที่สุดจึงเป็นวันที่ พฤศจิกายน ขอเริ่มต้นที่ “ความเป็น Trump” ก่อนเพราะเป็นประเด็นสำคัญของการเลือกตั้ง   Trump ปรากฏตัวเป็นบุคคลสาธารณะมายาวนานก่อนลงเลือกตั้งเมื่อปี 2516   ประวัติของเขาคือความสม่ำเสมอของการบูชาเงิน ความเห็นแก่ประโยชน์ของตนและครอบครัวเป็นที่ตั้ง การขาดบุคลิกภาพของคนที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญของสังคม ฯลฯ เหล่านี้คือสิ่งที่ปรากฏอย่างมีหลักฐานชัดเจนจากการกระทำในขณะที่เป็นประธานาธิบดี และจากคำให้การต่อรัฐสภา ต่อศาลและเปิดเผยในหนังสือของผู้คนที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและเคยทำงานกับ Trump 

                        พรรครีพับลิกันเป็นพรรคของคนอนุรักษนิยม    ไม่ชอบให้ภาครัฐมีขนาดใหญ่และมีอำนาจมาก   บูชาเสรีภาพของบุคคล  การค้าเสรี    ไม่ชอบการอพยพของคนผิวสีอื่นนอกจากสีขาวเข้าสู่สหรัฐอเมริกา มักเหยียดผิว  ฯลฯ  คนรีพับลีกันทุกคนมิได้เห็นตรงกันหมด   มีทั้งคนอนุรักษนิยมที่มีหัวก้าวหน้าและล้าหลัง    เป็นพรรคของอดีตประธานาธิบดี Eisenhower  /  Nixon  /  Reagan  /  Bush ฯลฯ

                        พรรคเดโมแครต เป็นพรรคของคนหัวสมัยใหม่  นิยมการประกันราคา ค่าจ้างขั้นต่ำและการค้าเสรีที่รัฐควบคุมใกล้ชิด   มักนิยมภาครัฐที่มีขนาดใหญ่เพราะเชื่อในการประกันสังคม    การสาธารณสุข   ช่วยเหลือคนยากจน และแรงงาน    บูชาเสรีภาพของบุคคลอย่างยอมให้รัฐดูแลพอควร   ฯลฯ   เป็นพรรคของอดีตประธานาธิบดี J.F. Kennedy  /  Johnson  /  Clinton  /  Carter / Obama  ฯลฯ

                        สมาชิกพรรครีพับลิกันมักเป็นนักธุรกิจทั้งขนาดยักษ์และขนาดย่อม    เป็นคนผิวขาว    จำนวนมากเป็นเกษตรกรหรือคนที่อยู่ในเขตชนบท และมีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี    ฯลฯ   ส่วนสมาชิกพรรคเดโมแครตมักเป็นคนอพยพมาใหม่   คนหนุ่มสาว     คนผิวสีทั้งดำและคนเชื้อสาย Hispanic (อเมริกาใต้และคนเอเชีย   ผู้ใช้แรงงาน (สมัยก่อนสหภาพแรงงานเป็นกลุ่มสมาชิกพรรคที่สำคัญ) คน     ชั้นกลางระดับล่าง    ฯลฯ

                        Trump ถึงแม้จะเคยเป็นเดโมแครต     แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันก็ไม่มีคุณลักษณะของคนรีพับลิกัน เพราะคุณลักษณะพิเศษของเขาคือการทำอะไรตามอำเภอใจอย่างขาดการคิดกลั่นกรองอย่างมีเหตุผล   มักใช้การเอาใจฐานเสียงของเขา    ผลประโยชน์ของครอบครัวและพรรคพวกมาใช้ตัดสินนโยบายสำคัญ ฐานเสียงของ Trump ได้แก่คนผิวขาวที่อยู่ในชนบท   มีการศึกษาที่ไม่ถึงปริญญาตรี    เคร่งศาสนา นักธุรกิจส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนชั้นกลางระดับสูงขึ้นไป สิ่งที่ฐานเสียงบางส่วนพอใจมากคือการลดภาษีครั้งใหญ่ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่คนที่ได้ประโยชน์มากสุดคือคนรวย Trump เป็นคนพูดเก่ง มีลักษณะของความเป็น con man (นักต้มตุ๋นอยู่มาก (มหาวิทยาลัย Trump โครงการอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการ  การล้มละลายหลายครั้งแต่ตนเองรวยคือ หลักฐาน) Trump พูดอะไร (สื่อนับว่าเขาโกหกกว่า20,000 ครั้ง  ตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา และหนักมือยิ่งขึ้นตอนหาเสียง) ฐานเสียงของเขาเชื่อหมดโดยเฉพาะมีสื่อโทรทัศน์ Fox News ของ Rupert Murdoch เป็นเครื่องมือสำคัญ

                        ในปัจจุบันการพยากรณ์ว่าใครจะชนะได้เป็นประธานาธิบดีนั้น เขาดูฐานคะแนนเสียงพรรคจากการเลือกตั้งประธาธิบดีครั้งที่แล้วในปี 2016 ประกอบข้อมูลจากคะแนนในปี 2018 เลือก ..  วุฒิสมาชิก   ผู้ว่าการรัฐ     อีกทั้งใช้ประสบการณ์     ความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของผู้ลงคะแนนในแต่ละ county (ตรงกับอำเภอของแต่ละรัฐ) โดยใช้โพลส์จากสำนักต่าง ๆ มากมายเป็นข้อมูล  ผู้เขียนขอใช้คำพยากรณ์ของสำนัก Five Thirty Eight ที่มีชื่อเสียงมานำเสนอ

                        สำหรับคะแนนรวมในระดับประเทศนั้น  Biden นำอยู่ 7.8% (53.3 กับ 45.5) โดยมีโอกาสในการชนะ 90%   แต่สิ่งที่ทำให้ชนะนั้นไม่ใช่คะแนนรวมในระดับประเทศ หากเป็น electoral  college หรือ vote ซึ่งมีรวม 538 เสียง โดยผู้แข่งขันคนใดชนะรัฐใดก็ได้ electoral vote ของรัฐนั้นไปทั้งหมด (แต่ละรัฐมีไม่เท่ากัน     หากมีประชากรมากก็มี electoral vote สูงดังนั้นบางคนอาจได้คะแนนนิยมระดับประเทศสูง แต่ได้ electoral vote  ไม่ถึงเกณฑ์ คือ 270 ซึ่งเกินกว่าครึ่งหนึ่งของ 538 จึงไม่ชนะ (ปี 2016 Clinton ชนะคะแนนนิยมได้มากกว่า Trump 2.1% หรือ 2.87 ล้านคะแนน แต่แพ้เพราะได้ electoral  votes เพียง 232  ในขณะที่ Trump ได้ 306)

                        โอกาสในการชนะของ Biden ที่กล่าวถึงคือ 90% สะท้อนคะแนน electoral vote   เหตุที่พยากรณ์เช่นนี้ก็เพราะ Biden มีฐานเก่าอยู่แล้ว 232   electoral votes หากหามาได้เพียง 38 ก็ถึง270 และชนะทันที

                        หนทางที่ง่ายสุดคือได้ 38 จาก 6 รัฐที่เดโมแครตเคยครองอยู่และในครั้งที่แล้ว Trump ชนะฉิวเฉียด คือ Wisconsin (10)/ Michigan (16)    /   Pennsylvania (20)/Ohio (18) / Iowa (6) และ  Florida (29)   ตัวเลขในวงเล็บคือ electoral vote ของแต่ละรัฐ

                        เมื่อโพลล์หลายสำนักใหญ่ระบุตรงกันว่า Biden นำอยู่ในรัฐเหล่านี้ทั้งหมดมากบ้างน้อยบ้าง   โอกาสที่จะชนะในบางรัฐเหล่านี้และบันดาลให้ชนะในระดับชาติจึงมีสูง     ข้อมูล (ตัวเลขคือคะแนนนำของ Biden ; ตัวเลขหลังคือโอกาสในการชนะมีดังนี้  Wisconsin (8.6%  ;  94%)   /   Michigan (8.8% ; 96%    /  Pennsylvania (5.2% ; 86%)   /   Ohio (0.9%  ;  46%)   /   Iowa (0.2%  ;  48%) และ Florida (2.2%  ;  66%)

                        Biden ชนะง่ายที่สุดคือชนะ Wisconsin  (10)  /   Michigan (16)  /  และ Pennsylvania (20)  รวมกันเป็น  46  ซึ่งเกินกว่า 38  จึงชนะเลย   หรือกล่าวอีกอย่างว่าของเก่า 232 + 46 = 278  ซึ่งเกินกว่า 270

                        หนทางของ Biden นั้นมีมากมาย  เช่น   ชนะ Florida (29)  กับชนะWisconsin (10) หรือกับ Michigan (16)  หรือกับ Pennsylvania (20) จากข้อมูลจะเห็นว่าการชนะทั้ง Pennsylvania  และ Florida  เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของ Trump เพื่อปิดหนทางของ Biden   นอกจากนี้เขายังต้องเอาชนะ Michigan และ Wisconsin ให้ได้อีกด้วย ข่าวร้ายสำหรับ Trump ก็คือรัฐเก่าที่เขาเคยชนะและต้องรักษาไว้คือ Ohio (18)   /  Arizona (11)   /  North Carolina (15)  /   Georgia (16)  ก็มีทางหลุดลอยไปเพราะ Biden นำอยู่ในรัฐเหล่านี้เช่นกัน

                        มาดูคำพยากรณ์ที่ว่า Biden มีโอกาสชนะ 90%  และมีคะแนนนำถึง 7.8 % นั้นจะเป็น  จริงไหม อย่าลืมว่าตัวเลขเหล่านี้อยู่บนการคาดคะเนว่าจะมีคนมาลงคะแนนระดับหนึ่ง  หากไม่มาตามเป้าผลก็จะผิดไป   อีกทั้งมีความคลาดเคลื่นทางสถิติด้วย (การลงคะแนนล่วงหน้าไปแล้ว 80 ล้านกว่าคนและดูจะมาลงคะแนนกันมากกว่าอดีตมีความหมายอย่างไร)