หุ้นพลังงาน (น้ำมัน) น่าลงทุนหรือยัง

หุ้นพลังงาน (น้ำมัน) น่าลงทุนหรือยัง

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมี Downside อีกไม่มากแล้ว

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก (WTI) ที่ปรับตัวลงแรงจากจุดสูงสุดของปีนี้ที่มากกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล จนมีบางช่วงที่หลุดต่ำกว่า 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล เกิดจากปัจจัยทั้งฝั่งอุปสงส์ (ที่ลดลงมากจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19) - อุปทาน (ที่เพิ่มขึ้นมาก หลังกลุ่ม OPEC+ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ) แต่จากสถานการณ์ล่าสุดเริ่มเห็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯเริ่มส่งสัญญาณการหยุดผลิตและเปิดเผยความต้องการเจรจากับประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่เป็นคู่กรณีของสงครามราคาน้ำมันครั้งนี้ก็คือประเทศซาอุดิอาระเบียและประเทศรัสเซีย คำถามจึงกลับมาที่ การลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานในขณะนี้น่าสนใจลงทุนหรือยัง

1) วิเคราะห์ฝั่งอุปทาน: เราประเมินว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบส่วนเกินของโลก ในสถานการณ์ปกติจะอยู่ที่ราว ±1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันหลังจากที่ทางกลุ่ม OPEC+ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบได้ ทำให้กำลังการผลิตจากประเทศซาอุดิอาระเบียปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีกราว 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เริ่มวันที่ 1 เม.ย.2563) ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันฝั่งสหรัฐฯ ยังทำการผลิตตามปกติแม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขณะนี้จะต่ำกว่าจุดคุ้มทุนที่ราว 50 - 55 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ปกติที่ไม่มีปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ น้ำมันดิบในตลาดโลกก็อยู่ในภาวะ Over supply หรือ น้ำมันดิบล้นตลาดฯ

2) วิเคราะห์ฝั่งอุปสงส์: ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกในขณะนี้ ทำให้ภาคธุรกิจโดยเฉพาะการขนส่งหยุดชะงัก ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุดเราประเมินว่าทั้งจากอุปทานส่วนเกิน (ที่อธิบายไปข้างต้น) และอุปสงส์ที่ลดลงมาก ขณะนี้อุปทานส่วนเกินของน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงถึงราว 20 - 25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับอุปทานส่วนเกินในสถานการณ์ปกติที่อยู่เพียงราว ± 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

เมื่อได้ข้อมูลจากทั้ง 2 ฝั่งแล้ว เราอาจนำมาวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ว่า สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต คือ i) ผู้ผลิตน้ำมันที่มีต้นทุนการผลิตน้ำมันสูง จำเป็นต้องลดกำลังการผลิต เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุน โดยเฉพาะผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ, ii) คาดจะเริ่มเห็นการเจรจาระหว่างประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกภายใน 1-3 เดือนนี้, iii) อุปสงส์น้ำมันก็จะยังไม่กลับสู่ระดับปกติได้ จนกว่าปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงอย่างมากในขณะนี้นั้นมีน้ำหนักมากกว่าฝั่งอุปทานที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ดังนั้นแม้ว่าจะมีการเจรจากันระหว่างผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกและสามารถบรรลุข้อตกลงการลดกำลังการผลิตได้จริง แต่ยังต้องติดตามปริมาณการผลิตที่จะลดลง ว่าจะสามารถชดเชยในส่วนของอุปสงส์ที่ลดลงได้จนทำให้เกิดความสมดุลระหว่างอุปสงส์-อุปทานได้หรือไม่ (ต้องลดกำลังการผลิตในปริมาณที่มากกว่าข้อตกลงทุกๆครั้งที่ผ่านมา)

โดยสรุปเราประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมี Downside อีกไม่มากแล้ว แต่คงไม่สามารถคาดหวังการฟื้นตัวเป็นรูปแบบ V-shape ได้หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังไม่สามารถควบคุมได้ และภาคธุรกิจยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานในขณะนี้นั้นจึงอาจเป็นเพียงการเก็งกำไรสั้นตามภาวะตลาดฯ จากประเด็น i) Downside ราคาน้ำมันไม่มาก และ ii) ราคาหุ้นหลายตัวลงมาอยู่ในระดับที่ Valuation "ถูก" ในด้านของมูลค่าสินทรัพย์ หรือ Asset based valuation (เช่น PBV, Replacement value เป็นต้น) จึงเป็นตัวแปรที่จำกัด Downside ของราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ดีอาจยกเว้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่เราประเมินว่ามีประเด็นบวกเฉพาะตัวคือ การเตรียม IPO บ.ลูก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR หรือ ปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่เรารู้จักกันดี ซึ่งเราประเมินว่าการ IPO ครั้งนี้จะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในหุ้น PTT เนื่องจาก i) เป็นการปลดล๊อก Valuation ของธุรกิจค้าปลีก ทั้งธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจสินค้า-บริการอื่นๆ (พื้นที่เช่าเพื่อการพาณิชย์, ร้านกาแฟ Cafe Amazon) PTTOR ที่ควรจะได้รับการเทรดในระดับ PE ที่สูงกว่าหุ้นพลังงานอย่าง PTT, ii) โอกาสที่ผู้ถือหุ้น PTT จะได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้น IPO ของ PTTOR หรือ Pre-emptive rights, และ iii) Upside บนราคาเหมาะสมหุ้น PTT ที่ฝ่ายวิจัยฯ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่าจะต้องทำการปรับขึ้นสะท้อน Valuation ของ PTTOR ปัจจัยต่างๆนี้จะทำให้หุ้น PTT กลับมาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนอีกครั้ง แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะยังผันผวนจนกว่า อุปสงส์-อุปทาน จะกลับมาสมดุลอีกครั้ง