ภารกิจด่วน 'รัฐ' ยกเครื่องการสื่อสาร

ภารกิจด่วน 'รัฐ' ยกเครื่องการสื่อสาร

สถานการณ์การแพร่ระบาดของ “ไวรัสโควิด-19” อาจทำให้ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล เป็นอัมพาตไปชั่วขณะ 14 วัน

 ด้วยมติ “ครม.” สั่งปิดสถานที่เสี่ยง ตั้งแต่โรงเรียน มหาวิทยาลัย สนามมวย สนามม้า ผับ บาร์ ร้านนั่งชิล ฟิตเนส สปา อาบอบนวด กันถ้วนหน้า

แม้รัฐบาลยังยืนยันว่าการแพร่ระบาดยังอยู่ในระยะ 2 ไม่เขยิบไปถึงระยะที่ 3 ก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าความหวาดวิตกของประชาชนที่เกิดขึ้นนั้น เลยเถิดไปไกลแล้ว

พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า เป็นความผิดประชาชน เพราะประชาชนมีสิทธิจะกลัวความไม่ปกติ ที่อาจมีผลกระทบกับความปลอดภัยในชีวิต

ดังนั้น หน้าที่รัฐ คือต้องสร้างความมั่นใจ บอกข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา แต่ดูเหมือนการจัดการบางอย่าง โดยเฉพาะ การสื่อสารของรัฐ ในภาวะวิกฤตินั้นมีจุดอ่อนอย่างมโหฬาร

สะท้อนได้ชัดเจนผ่าน พฤติกรรมประชาชน เมื่อรัฐยิ่งตอกย้ำว่าไม่ต้องตื่นตระหนก ประชาชนยิ่งตื่นตระหนก เมื่อรัฐบอกประชาชนไม่จำเป็นต้องกักตุนอาหาร ประชาชนยิ่งกักตุน เมื่อรัฐบอกว่า หน้ากากอนามัย ไม่ขาดตลาด แต่ประชาชนกลับหาซื้อตามร้านทั่วไปไม่ได้มาเป็นเวลานาน ต่างๆเหล่านี้ ผู้คนอาจรู้สึกว่าสิ่งที่รัฐพยายามพร่ำบอก มันสวนทางกับความเป็นจริง

จุดอ่อน ตรงนี้คนในรัฐบาลต้องมองออกให้ และเร่งแก้ปัญหาทันที ไม่เช่นนั้นภาวะที่วิกฤติ มันจะยิ่งวิกฤติ * เรื่องหนึ่งที่สำคัญคือ การสื่อสารถึงประชาชน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ความพยายามนำเสนอข้อมูลออกไปให้มากที่สุดถึงประชาชน บางครั้งประสิทธิภาพในการสื่อสารกลับเกิดขึ้นน้อยกว่าที่คิด

ต้องเข้าใจว่าการที่แต่ละหน่วยงานดาหน้านั่งแถลง มีเพียงไม่กี่ประเด็นที่เป็นสาระสำคัญเท่านั้น ที่สื่อมวลชนจะหยิบไปนำเสนอ จึงต้องเข้าใจธรรมชาติของสื่อทั้งเรื่องพื้นที่ข่าว และข้อจำกัดต่างๆ ไม่ใช่จะอัดข้อมูลทั้งหมด แล้วคิดว่าสื่อจะนำเสนอออกไปให้ทั้งร้อย

หากลองปรับการทำงาน เช่น เปิดรับคำถามก่อนจากสื่อ หรือประชาชน แล้วประมวลเลือกตอบข้อที่สำคัญ ให้ผู้เกี่ยวข้องหาข้อมูลที่แน่ชัดมาแถลง ดีกว่าเปิดโอกาสซักถามระหว่างแถลง จนสาระสำคัญของเรื่องในวันนั้นอาจถูกเบนความสนใจไป

ขณะที่ นายกฯ” ก็ต้องพูดเท่าที่จำเป็น และถ้าจะพูด ต้องเตรียมประเด็นเฉพาะเรื่องเท่านั้น ไม่ใช่พูดเรื่อง โควิด-19” แต่ยังแถมเรื่อง ภัยแล้ง และต้องยับยั้งอาการเจอไมค์ไม่ได้ทิ้ง ภาวะวิกฤติแบบนี้จะมาพูดด้นไปเรื่อย จะยิ่งเกิดความสับสน 

ไม่อยากจะคิด นี่แค่ระบาดระยะใน2 ยังขนาดนี้ ถ้าเข้าระยะ3 เมื่อไหร่ สถานการณ์จะสาหัสขนาดไหน หากไม่ยกเครื่องเรื่องการสื่อสาร