เมื่อโลกเตรียมรับมือไข้หวัดโควิด-19

เมื่อโลกเตรียมรับมือไข้หวัดโควิด-19

การระบาดของไข้หวัดโควิด-19 ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ได้กลายเป็นวิกฤติการณ์ด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจพร้อมกันไปแล้ว

ล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% นอกตารางเวลาการประชุมปรกติ อ้างความไม่แน่นอนที่การระบาดจะมีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ พร้อมให้ความมั่นใจว่าจะดําเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อดูแลผลกระทบ แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยต่อสถานการณ์ รวมถึงความเสี่ยงที่ปัญหาอาจรุนแรงขึ้น

เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศจี 7 ที่ได้ออกแถลงการณ์หลังการประชุมพิเศษของรัฐมนตรีคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลาง เมื่อกลางอาทิตย์ที่แล้ว ให้ความมั่นใจว่าพร้อมจะดําเนินมาตรการเพื่อดูแลสถานการณ์ เป็นความร่วมมือทางนโยบายครั้งแรกของกลุ่มประเทศจี 7 หลังวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลกปี 2008 ชี้ถึงความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดขณะนี้

การระบาดของไข้หวัดโควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจ 3 ด้าน 

1.ผลต่อกําลังซื้อในระบบเศรษฐกิจหรืออุปสงค์ คือประชาชนไม่ใช้จ่าย ไม่ออกจากบ้าน ไม่ท่องเที่ยว ระมัดระวังตัวจากการระบาด นักธุรกิจชะลอการลงทุนหรือเลื่อนการลงทุนจากความไม่แน่นอนที่มี ทําให้อุปสงค์หรือความต้องการใช้จ่ายในประเทศลดลง 

2.ผลต่อห่วงโซ่การผลิต คือโรงงานอาจต้องปิดหยุดหรือลดการผลิต จากผลกระทบของไข้หวัดที่มีต่อกําลังซื้อในประเทศ ต่อการส่งออก และต่อกําลังการผลิตจากการเจ็บป่วยของคนงานหรือไม่สามารถมาทํางานได้จากมาตรการป้องกันการระบาดต่างๆ ทําให้การผลิตลดลง ไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้กับผู้ซื้อ หรือผู้ผลิตที่ซื้อสินค้าเหล่านี้เป็นวัตถุดิบหรือเป็นสินค้าขั้นกลาง ทําให้การผลิตทั้งอุตสาหกรรมหยุดชะงัก และในกรณีที่ห่วงโซ่การผลิตกระจายอยู่ในหลายประเทศ ผลกระทบก็จะเกิดขึ้นในหลายประเทศตามไปด้วย

3.ผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะการระบาดของไข้หวัดเป็นความไม่แน่นอนที่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะคลี่คลายได้เมื่อไร เป็นความไม่แน่นอนสําคัญที่สุดในตลาดการเงินโลกขณะนี้ ทำให้นักลงทุนปรับลดความเสี่ยงโดยขายทิ้งสินทรัพย์เสี่ยง ทําให้ตลาดการเงินผันผวนมาก หุ้นตกและราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับลดลง ทําลายความมั่งคั่งและรายได้ที่มาจากการลงทุน

ในกรณีของเรา มี 2 ประเด็นที่จะเกิดตามมาจากการปรับลดของราคาสินทรัพย์ที่ต้องระวัง อันแรกคือ สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจที่จะลดลงจากการขายสินทรัพย์ของนักลงทุนต่างประเทศหรือการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศ ที่จะกระทบสภาพคล่องของภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อันที่สอง คือผลที่การชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทําให้รายได้ภาคธุรกิจลดลง กระทบความสามารถในการชําระหนี้ของบริษัทและครัวเรือนที่มีหนี้ ทําให้การผิดนัดชําระหนี้เพิ่มสูงขึ้น กระทบฐานะและรายได้ของสถาบันการเงิน

ในลักษณะนี้ การลดอัตราดอกเบี้ยและเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐจึงเป็นมาตรการปรกติที่จะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจ ช่วยผ่อนคลายปัญหาด้านสภาพคล่องและบรรเทาภาระในการชําระหนี้ของผู้ที่มีหนี้ แต่มาตรการเหล่านี้จะไม่เพียงพอสําหรับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะไม่ใช่มาตรการที่จะแก้หรือลดความกังวลใจของประชาชนในต้นตอของปัญหา นั่นก็คือ การระบาดของไข้หวัด 

ดังนั้น นอกเหนือจากและสําคัญกว่ามาตรการด้านเศรษฐกิจ จําเป็นที่ทางการต้องจัดอันดับความสําคัญให้มีมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข็มแข็งเป็นมาตรการนําในการตั้งรับกับปัญหา เพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชนว่าทางการกําลังพยายามเต็มที่จะควบคุมไม่ให้การระบาดลุกลาม และรัฐพร้อมทุ่มทรัพยากรเต็มที่ที่จะสร้างแนวป้องกันการระบาดเพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อประชาชน ความชัดเจนในแนวทางตั้งรับปัญหาและความสําคัญที่รัฐบาลให้กับการป้องกันการระบาดจะช่วยให้สถานการณ์ของประเทศไม่บานปลายและประชาชนไม่ตื่นกลัวจนเกินเหตุ ที่สําคัญ ประชาชนและภาคธุรกิจพรัอมให้ความร่วมมือ เพราะทุกคนต้องการช่วยให้ประเทศก้าวข้ามสถานการณ์ขณะนี้ไปได้อย่างปลอดภัย

ในสายตาประชาชน มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างน้อยควรประกอบด้วย  1.ความชัดเจนในมาตรการกักตัวผู้ที่ติดเชื้อ หรือผู้ที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากหรือกลับมาจากต่างประเทศ ที่มีแนวปฏิบัติชัดเจนและทางการถือปฏิบัติจริงจังไม่ละเว้น ชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอนให้ประชาชนรู้ว่าต้องทําอะไรและไม่ควรทําอะไรในสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ รู้หน้าที่ของตน และช่วยสอดส่องดูแล

2.รัฐให้การสนับสนุนเต็มที่ด้านสาธารณสุขที่จะทําให้ โรงพยาบาล หมอ พยาบาล และบุคลากรด้านการแพทย์ทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนมีความพร้อมและมีความสามารถเต็มที่ที่จะตั้งรับกับปัญหา ไม่ขาดแคลนทั้งเรื่องบุคลากร ยา หน้ากาก เวชภัณฑ์ และงบประมาณ เพื่อให้บุคคลากรการแพทย์มีขวัญกําลังใจในการทําหน้าที่ ที่สําคัญมีหน้ากากและเจลล้างมือที่ประชาชนจะหาซื้อได้โดยไม่ขาดแคลนเพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาด

3.มีคําแนะนําและแนวปฏิบัติด้านสุขอนามัย ทั้งในระดับบุคคลและครอบครัวเพื่อให้ประชาชนดูแลตัวเอง รวมถึงคําแนะนําและวิธีปฏิบัติในที่สาธารณะที่ขอความร่วมมือให้ประชาชนถือปฏิบัติเพื่อลดการแพร่ระบาด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทํางาน ร้านอาหาร ศูนย์การค้า สถานที่ราชการ โรงแรม ห้องประชุม พาหนะโดยสารสาธารณะ ขอความร่วมมือให้เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของประชาชน ขณะที่ภาคธุรกิจร่วมมือและสนับสนุนโดยใช้ทรัพยากรของตน เช่น จัดให้มีเเจลและสบู่ล้างมือเพียงพอในสถานที่ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน อะลุ้มอล่วยพนักงานในเรื่องเวลาทํางาน การจ้างงาน ไม่พักงานหรือลดเงินเดือนพนักงาน เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ประเทศต่างๆ สามารถก้าวข้ามความท้าทายที่มีอยู่ขณะนี้ด้วยความมั่นใจ และต้องมาก่อนการกระตุ้นเศรษฐกิจท้ายสุดและสําคัญสุด รัฐบาลจะต้องสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ไม่ปิดบัง ทันเหตุการณ์ เพื่อให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงและสามารถปรับตัวและตั้งรับกับสถานการณ์ได้