โรคระบาดในเครือข่ายสังคม

โรคระบาดในเครือข่ายสังคม

ในยามที่โควิด-19 ทำท่าจะกระจายไปทั่วโลก จะเกิดการคุกคามในหลายมิติตั้งแต่คุกคามชีวิตจากการเจ็บป่วย ตามมาด้วยการคุกคามเศรษฐกิจ

โดยทำให้เงินในกระเป๋าลดลงจากการงานที่น้อยลงไปอย่างเฉียบพลันในบางสาขาอาชีพ โดยเฉพาะกับคนที่ทำงานในวงการท่องเที่ยว และตามมาด้วยการคุกคามในด้านสังคม ทำให้ผู้คนรังเกียจกันและกัน เกิดการแบ่งแยกเชื้อชาติโดยใช้การระบาดของโรคเป็นคำกล่าวอ้าง

การคุกคามทางสังคมนั้นคล้ายกับจะเป็นโรคระบาดอีกโรคหนึ่ง คือติดต่อกันได้จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง จากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งไปสู่อีกกลุ่มหนึ่งโดยมีเครือข่ายสังคมเป็นช่องทางในการติดต่อ แต่ไม่ใช่การติดต่อที่เกิดขึ้นจากไวรัสโคโรนากระจายผ่านเครือข่ายสังคมเพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ การคุกคามทางสังคมจากโควิด-19 เกิดจากการส่งต่อข่าวเท็จในหมู่ผู้ใช้เครือข่ายสังคม และข่าวเท็จเหล่านี้สร้างให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นการคุกคามทางสังคมโดยเฉพาะการแบ่งแยกเชื้อชาติ

องค์การอนามัยโลกเรียกการเผยแพร่ข่าวเท็จเกี่ยวกับโรคระบาดว่า Infodemic และรณรงค์ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมรายใหญ่ของโลก ในการกำจัดผลกระทบจากข่าวเท็จเกี่ยวกับการระบาดของโควิด- 19 บางคนกล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พบเจอการระบาดของข่าวเท็จในเครือข่ายสังคมที่ติดต่อกันได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าการติดต่อของโควิด-19 เสียอีก การระบาดของข่าวเท็จนี้ส่งผลเสียนานาประการนับตั้งแต่สร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้น หน้ากากป้องกันเชื้อโรค เจลล้างมือขาดตลาดอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการตื่นตระหนกเกินสมควรแล้วพากันกักตุนไว้เกินกว่าที่ใช้ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความตื่นตระหนกเกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการรับข่าวเท็จจากเครือข่ายสังคม ในทางตรงข้ามการระบาดของข่าวเท็จยังทำให้หลายคนป้องกันตนเองจากโรคระบาดด้วยวิธีการที่ไม่ได้ผลเพียงเพราะเชื่อตามข่าวเท็จที่พบเจอในเครือข่ายสังคมโรคระบาดในเครือข่ายสังคมจึงมีผลร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าการระบาดของโควิด-19

อะไรทำให้การระบาดของข่าวเท็จผ่านเครือข่ายสังคมเป็นไปอย่างรวดเร็ว อะไรทำให้ผู้คนยอมรับข่าวเท็จว่าเป็นความจริง งานวิจัยของอาจารย์ ด้านการวิเคราะห์ความเสี่ยง จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พบว่า ข่าวเท็จในเครือข่ายสังคมมีพฤติกรรมเสมือนไวรัสคือมีหลากหลายสายพันธ์ุทำให้คนสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่ครบถ้วน ข่าวเท็จในประเด็นเดียวกันอาจปรากฎขึ้นในหลากกลายรูปแบบ รับข่าวเท็จในรูปแบบแรกอาจไม่ค่อยเชื่อ แต่จะยอมเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเจอะเจอกับสายพันธ์อื่นของข่าวเท็จ ข่าวเท็จเดิมจะทำให้ดูน่าเชื่อมากขึ้นถ้าปรากฏให้เห็นซำ้แล้วซำ้อีกในหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นเราจึงต้องแยกแยะให้ได้ว่าเป็นเพียงข่าวเท็จเรื่องเดียวกันที่ปรากฏให้เห็นในหลากกลายรูปแบบเท่านั้น

ข่าวเท็จกระจายอย่างรวดเร็วแบบทวีคูณ จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 ในทำนองเดียวกับการระบาดของโรคที่เกิดจากไวรัส หากมีการติดเชื้อรับข่าวเท็จโดยคนใดคนหนึ่ง และคนนั้นมีกลุ่มเพื่อนในเครือข่ายสังคมมากมาย คนแต่ละคนเป็นคล้ายๆ ศูนย์กลางของกลุ่มเพื่อนที่ใช้งานเครือข่ายสังคมและกลายเป็นพาหะของข่าวเท็จไปเลย คล้ายๆ กับที่ไวรัสจะระบาดอย่างรวดเร็วในกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ชิดกัน ดังนั้น ถ้าสร้างภูมิต้านทานให้กับคนที่เป็นเสมือนศูนย์กลางกลุ่มคนที่ใช้งานเครือข่ายสังคมให้เข้มแข็งพอที่จะรู้เท่าทันข่าวเท็จ ไม่เผยแพร่ ไม่แชร์ข่าวเท็จนั้นอีกต่อไป การระบาดของข่าวเท็จก็จะลดลงได้

ข่าวเท็จระบาดได้รวดเร็วในกลุ่มคนที่มีความลำเอียง เชื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเช่น คนที่ลำเอียงไปกับกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งจะเชื่อและแชร์ต่อข่าวเท็จเกี่ยวกับกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม คนมีแนวโน้มที่จะยอมรับข่าวเท็จนั้น หากข่าวเท็จสอดคล้องกับความเชื่อดั่งเดิมที่มีอยู่ ถ้าเชื่อว่าคนบริหารบ้านเมืองไม่เก่ง ข่าวเท็จเกี่ยวกับการไร้ฝีมือของผู้นำมักเป็นที่เชื่อถือและส่งต่อกันอย่างกว้างขวาง ถ้าไม่ชอบเจ้านายในที่ทำงานข่าวเท็จเกี่ยวกับเจ้านายจะมีเต็มบริษัทไปหมด

เด็กและผู้สูงอายุมีแนวโน้มจะเชื่อข่าวเท็จและส่งต่อข่าวเท็จนั้นผ่านเครือข่ายสังคมมากกว่าช่วงอายุอื่นคนกลุ่มทั้งสอง จึงเป็นเป้าหมายสำคัญของคนที่อยากปล่อยข่าวเท็จให้ระบาดออกไป ข่าวเท็จจะระบาดน้อยลงได้ถ้าผู้ใหญ่บางคนหยุดกระทำที่แย่ๆ ที่ปรากฎให้เห็นในเครือข่ายสังคม