ไข3ปมมาตรฐาน‘หุ้นสื่อ’

ไข3ปมมาตรฐาน‘หุ้นสื่อ’

มีคำถามที่ว่า “สองมาตรฐานหรือไม่?” สำหรับกรณีการถือครองหุ้นสื่อของบรรดาส.ส.ทั้งจาก “ซีกรัฐบาล” และ “ซีกฝ่ายค้าน”

โดยเฉพาะกรณีล่าสุดคือกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องไว้วินิจฉัยวินิจฉัยคุณสมบัติ “32ส.ส.” กรณีการถือครองหุ้นสื่อ แต่ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

ต้องยอมรับว่า กรณีดังกล่าวต่างจากกรณีของ หัวหน้าพรรคส้มหวาน” อย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ซึ่งศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตรงที่  “ประเด็นแรก” กรณีของ32ส.ส.เป็นการยื่นคำร้องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง  

ส่วนกรณีของ “ธนาธร ศาลชี้แจงในท้ายคำวินิจฉัยว่า  ได้ผ่านการสอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ซึ่งมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงมาก่อนยื่นคำร้องต่อศาล” นอกจากนี้ยังมีเอกสารประกอบคำร้อง เช่นแบบสสช.1 และแบบส่งงบการเงินที่ยื่นต่อกรมธุรกิจการค้า ระบุไว้ชัดเจนว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร และรายได้จากการให้บริการโฆษณา  ประเด็นดังกล่าวจึงมีน้ำหนักให้ศาลจึงมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้า

ประเด็นที่2” คือ กรณีของ ธนาธร” เป็นกรณีการ “ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนจริงๆ  แต่ยังต้องพิสูจน์ว่า มีการขายหุ้นก่อนลงสมัครเลือกตั้ง” อันนี้ถือว่าไม่ขาดคุณสมบัติ หรือ มีการขายหุ้นหลังจากเป็นส.ส.แล้ว ซึ่งถือว่าขาดคุณสมบัติ เนื่องจากมาตรา 98(3)ของรัฐธรรมนูญระบุไว้อย่างชัดเจนว่า  ห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ

ส่วนคำร้องส.ส.คนอื่นๆ เป็นการ “ตีความ การถือครองหุ้น บริษัทที่อาจไม่ได้ประกอบกิจการสื่อ” แต่เป็นการตีความจาก การจดแจ้งวัตถุประสงค์ ซึ่งบางบริษัทอาจมีการจดแจ้งชนิดที่เรียกว่า ติ๊กทุกข้อเพื่อที่ว่าเวลาจะขยายกิจการจะได้ไม่ต้องไปจดแจ้งใหม่ ประเด็นนี้ต้องไปลุ้นกันที่ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะตีความตาม วัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัทหรือตีความตาม ลักษณะการประกอบกิจการ

ประเด็นที่3” คือการเทียบเคียงคดีของ “ภูเบศวร เห็นหลอด” ผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยให้ขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นในบริษัทที่จดแจ้งวัตถุประสงค์ทำสื่อ ประเด็นนี้มีความเห็นมาจากนักกฎหมายว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาฯไม่ผูกพันทุกองค์กร” โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาอยู่ในขณะนี้

ต้องไม่ลืมว่า ศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นศาลที่มีลำดับความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ดังนั้นคำวินิจฉัยที่ออกมาย่อมถือเป็นเด็ดขาดและมีผลผูกพันทั้งรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ!!