เมื่อนักเรียน ติดอาวุธ

เมื่อนักเรียน ติดอาวุธ

นักเรียนติดอาวุธไม่ใช่เรื่องแปลก เราเห็นอยู่บ่อยๆ เมื่อพวกเขายกพวกตีรันฟันแทง หรือไล่ยิงกันบนท้องถนน

แต่นักเรียนติดอาวุธ นับแสนคน นับล้านคน แล้วเข้าทำร้าย ทรมาน หรือเข่นฆ่าผู้มีพระคุณ แม้ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

 ประมาณ 20 ปี หลังจากที่ เหมา เจ๋อตง ได้เปลี่ยนแปลงประเทศจีน เป็นระบบคอมมิวนิสต์โดยสมบรูณ์ เขาเริ่มรู้สึกว่าผู้นำระดับสูงบางคน สูญเสียอุดมการณ์ และเขาเองก็เริ่มสูญเสียบารมีในการเป็นผู้นำประเทศอีกด้วย เหมาจึงตัดสินใจปฎิวัติอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปลี่ยนประเทศให้กลับสู่อุดมการณ์ดั้งเดิม การปฎิวัติครั้งนี้เรียกว่า ปฎิวัติวัฒนธรรม

 ภรรยาของเขา นาง เจียงชิง และกลุ่มสหาย แก๊งสี่คนได้ร่วมกันเป็นแกนนำ เป้าหมายก็คือ ล้มเลิก ของเก่า” 4 อย่าง ได้แก่ ประเพณีเก่าๆ วัฒนธรรมเก่าๆ นิสัยเก่าๆ และ ความคิดเก่าๆ ซึ่งถ้าจะล้มล้างของเก่าได้สำเร็จ ก็ต้องเอา ของใหม่ มาเป็นแนวร่วม ได้แก่ เยาวชน นั่นเอง

 การปฎิวัติวัฒนธรรม ระหว่าง 1966-1976 มีกลไกสำคัญอย่างหนึ่งคือ กองกำลังเรดการ์ดซึ่งประกอบด้วยนักเรียนนักศึกษา พวกเขาดำเนินการกำจัดของเก่า จนกลายเป็นความทรงจำที่คนจีนไม่ลืมเลือน เป็นบทเรียนให้สังคมจีน และประเทศต่างๆมาจนถึงทุกวันนี้

 เล่าแบบสั้นๆก็คือ เหมา เจ๋อตง ได้ปลด หลิว ส้าวฉี และ เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำระดับสูงที่เขาคิดว่ากำลังเสียอุดมการณ์ไปในทางทุนนิยม ต่อมา หลิว ส้าวฉี ก็ถูกทรมานและจำคุก จนเสียชีวิตใน 2 ปีต่อมา จากนั้น เหมา ได้ตั้ง หลินเปียว ขึ้นควบคุมกองทัพและกำกับเยาวชนเรดการ์ด และส่งเยาวชนเหล่านี้ออกไปล้มล้าง ของเก่าทั้งในเมือง และชนบท

 เรดการ์ด ถูกป้อนด้วยอุดมการณ์ของเหมา ใน หนังสือปกแดง” (Red Book) เล่มเล็ก ที่บรรจุคำสอนและคำคมของเหมา ซึ่งเยาวชนต้องอ่านและท่องจำจนขึ้นใจ จนถึงขั้น บูชาอุดมการณ์ของเหมาอย่างสูงสุด และพร้อมที่จะล้มล้าง ของเก่า ด้วยกำลัง

 กองกำลังเยาวชนติดอาวุธ คอยติดตามความเคลื่อนไหว “ของเก่า” และในบรรดาของเก่าทั้ง 4 ประการนี้ ที่ผมอยากพูดถึง ก็คือ “ความคิดเก่าๆ” ซึ่งหมายถึงพวก “ปัญญาชน” นั่นเอง

 คนที่มีความรู้ถูกมองว่าจะต้องถูกกำจัด เพื่อให้สังคมอยู่ในอุดมการณ์ของเหมาอย่างเคร่งครัด บรรดาครูอาจารย์ จึงเป็นปัญญาชนเป้าหมายกลุ่มแรกๆ ไม่น่าเชื่อว่า เยาวชนจะสามารถขู่เข็น กรรโชก ทำร้าย ทุบตี ทรมาน ครูบาอาจารย์ของตนเอง ได้ขนาดนั้น

ที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่านั้น ก็คือเยาวชนเหล่านี้ ยึดมั่นอุดมการณ์ของเหมา จากการอ่านหนังสือปกแดง และจากการปลุกระดม ถึงขนาดว่าใครก็ตาม ถ้าไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของเหมา จะต้องถูกลงโทษ ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อแม่พี่น้องของตนเอง!

 สังคมจีนช่วงนั้น จึงกลายเป็นสังคมที่ไม่มีใครไว้ใจใคร แม้กระทั่งคนในครอบครัวเดียวกัน เพราะเกรงว่าจะถูกรายงานพฤติกรรมหรือความคิด และถูกทำร้ายให้อับอายในที่สาธารณะ หรือแม้กระทั่งถูกฆ่าตาย

 ระดับผู้นำเองก็ต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิง หลินเปียว ซึ่งเหมาไว้วางใจและแต่งตั้งเมื่อปี 1969 ให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจ  แต่ก็กลับไม่ไว้วางใจในภายหลัง เขาจึงแต่งตั้ง โจวเอินไหล เข้าสู่อำนาจด้วย ต่อมาในเดือนกันยายน 1971 หลินเปียว เครื่องบินตกและเสียชีวิตที่มองโกเลีย มีรายงานว่าเขากำลังพยายามลี้ภัยไปรัสเซีย

ปี 1972 เหมาเป็นอัมพาต โจวเอินไหล เป็นมะเร็ง ทั้งสองจึงตัดสินใจตั้ง เติ้งเสี่ยวผิง เข้าสู่ฐานอำนาจอีกครั้ง หลังจากที่ถูกบีบออกไปหลายปี แต่ นางเจียงชิง และ แก๊งสี่คน ไม่เห็นด้วย จึงชักชวนให้เหมา ขับไล่เติ้งเสี่ยวผิงออกไปอีกครั้ง แต่พอถึงเดือนเมษายน 1976 หลินเปียว  เสียชีวิต เหมา จึงแต่งตั้ง เติ้งเสี่ยวผิง กลับเข้ามาใหม่ และเหมาก็เสียชีวิตในอีกไม่กี่เดือนต่อมา เติ้งเสี่ยวผิง จึงปฎิบัติการณ์กำจัดนางเจียงชิงและแก๊งสี่คน จนหมดสิ้น

 ถือเป็นการสิ้นสุดการปฎิวัติวัฒนธรรม ที่สร้างความเจ็บปวดให้แก่คนจีนชนิดไม่ลืมเลือน อดีตเยาวชนเรดการ์ด หลายคนยังมีชีวิตอยู่ และอยู่ในวัยประมาณ 70 ปี อดีตเรดการ์ดคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้หนีออกจากประเทศ ข้ามไปฮ่องกง แล้วต่อไปยังอเมริกา ออกมาสารภาพเป็นภาษาอังกฤษว่า เขาคิดผิดที่ร่วมเป็นเยาวชนแดง

 เรดการ์ดอีกคน ออกมาให้สัมภาษณ์ บีบีซี ว่า ทุกปี เขาจะไปที่สวนแห่งหนึ่ง เพื่อนำดอกไม้ไปกราบแม่ และขออภัยแม่ ที่ช่วงนั้นเขาได้ยินแม่วิจารณ์อุดมการณ์ของเหมา เขาโกรธมาก นำข่าวไปรายงานพรรค จนแม่ถูกจับทรมานถึงแก่ความตายในสวนแห่งนี้ วันนี้เขาสำนึกแล้วว่าเป็นบาปที่สุด 

สำหรับประเทศไทย พ่อและแม่ คือพระในบ้านที่เราเคารพกราบไหว้ ครูบาอาจารย์ คือผู้มีพระคุณอย่างสูง เดือนนี้เรามี วันไหว้ครู แม้จะมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้กังวล แต่วันไหว้ครูก็เป็น วัฒนธรรมที่งดงามอย่างยิ่ง คนไทยไปไหว้ครู ด้วยความกตัญญูเสมอ 

 ช่วงปีแรกของการปฎิวัติวัฒนธรรมจีน เมื่อเดือน สิงหาคม 1966 นักเรียนหญิงเรดการ์ด ได้ออกปฎิบัติการที่โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งในปักกิ่ง จับผู้ช่วยครูใหญ่ชื่อ เบียน ซงยุน ทุบตีด้วยไม้กระบองที่ฝังไว้รอบด้านด้วยเล็บแหลมคม จากนั้นราดเธอด้วยน้ำร้อน แล้วโยนไปขังไว้ในห้องน้ำ จนครูเสียชีวิต เมื่อเดือนมกราคม 2014 นักเรียนหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ได้กล่าวขอโทษ ที่เธอไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำของเด็กนักเรียน ที่ทำร้ายครูได้ถึงขนาดนั้น

 ช่วงของการปฎิวัติวัฒนธรรมในจีน คงมีครูจำนวนไม่น้อย ที่ถูกเรดการ์ด ทำร้ายจนเสียชีวิต วันนี้ น่าจะมีเรดการ์หลายคน ที่รำลึกย้อนหลังแล้วเสียใจกับสิ่งที่ตนได้ทำไป แต่มันก็หวนกลับไปทำใหม่ไม่ได้แล้ว

สมองอันใสบริสุทธิ์ของเยาวชน พอติดอาวุธทางปัญญาเข้าไป แล้วปลุกเร้าบ่อยครั้งเข้า มันก็อาจมีผลที่เราคาดไม่ถึง ดังเช่นเยาวชนเรดการ์ด ที่ผมเล่ามานี้

ผมเล่าเรื่องนักเรียนและครู เพียงแค่นี้แหละครับ ที่เหลือคิดต่อกันเอาเองก็แล้วกัน