ครึ่งปีหลัง ลงทุนอย่างไรดี ??

ครึ่งปีหลัง ลงทุนอย่างไรดี ??

ในตอนที่แล้ว ผมได้นำเสนอมุมมองและคำแนะนำการลงทุนไป ซึ่งก็จะเห็นได้จนถึงขณะนี้ว่าการลงทุนค่อนข้างจะมีความผันผวนสูง

 สินทรัพย์เสี่ยงเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว จากปัจจัยลบเรื่องของสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นมาอีก และยังไม่เห็นท่าทีว่าจะหยุดลงได้เมื่อไร เพราะไม่เพียงแต่เป็นการพิพาทระหว่างสหรัฐฯกับจีนเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงเม็กซิโกและยุโรปอีกด้วย และผลจากความรุนแรงของสงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวลง ภาคการส่งออกของหลายประเทศได้รับผลกระทบอย่างมากในปีนี้

นั่นทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 เศรษฐกิจและการลงทุนของโลกผันผวนและเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่ทิศทางตลาดจะเคลื่อนไหวอิงไปตามข่าวสารและท่าทีต่างๆ จากประธานาธิบดีสหรัฐฯค่อนข้างมากทีเดียว ดังนั้นในครึ่งหลังของปีนี้ ต้องจับตามองประเด็นหลักๆ ได้แก่ 1.) การเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีนและประเทศต่างๆ ซึ่ง KTBSTยังเชื่อว่าจะจบลงและสามารถหาข้อยุติเพราะด้วยแรงกดดันของภาคธุรกิจของประเทศคู่เจรจาที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเศรษฐกิจทั่วโลกที่ส่งสัญญาณชะลอลง เป็นตัวกดดันให้ทั้ง 2 ประเทศจำเป็นต้องหาหนทางยุติสงครามการค้าโดยเร็ว

ซึ่งการเจรจาครั้งสำคัญคาดว่าจะเริ่มในรอบการประชุม G20 ช่วงวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ทั้งนี้จีนต้องการที่จะยุติประเด็นความขัดแย้งให้เร็วที่สุดเพื่อลดความเสียหายจากภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มจะกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ใกล้จะหมดวาระ จำเป็นต้องใช้ผลงานเรื่องการเจรจาต่อรองทางการค้ากับจีนให้เป็นผลสำเร็จเพื่อใช้ในการหาเสียงในการสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงปี 2020 ต่อไป

ปัจจัยที่ 2.) คือทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในครึ่งหลังของปี เริ่มคาดการณ์กันว่าอาจจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงหากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลง ซึ่งจะทำให้เงินไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ มาสู่ตลาดเกิดใหม่ที่เศรษฐกิจน่าสนใจรวมถึงประเทศไทยด้วย  โดยตลาดจะจับตาการประชุม FOMC ในวันที่ 18-19 มิ.ย. นี้ ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยหรือไม่

ปัจจัยต่อมา 3.) คือการเมืองของไทย ประเมินว่าหลังได้รัฐบาลแล้วในช่วงสั้นจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะนโยบายสำคัญที่สามารถดำเนินได้ทันที และจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นในการลงทุนทางเศรษฐกิจและจะช่วยหนุนตลาดหุ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ต้องจับตาดูว่าในการเป็นรัฐบาลที่มีจำนวนเสียงในสภาไม่มากจะบริหารงานต่างๆได้ยาวนานเท่าไร ขณะเดียวกันผลกระทบจากสงครามการค้าอาจทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2 อาจชะลอตัวลง ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจึงต้องเลือกหุ้นกลุ่มมีปัจจัยบวกและมีผลกำไรที่เติบโตดี 

โดยภาพรวมของปัจจัยต่างๆ KTBST คาดว่าปัญหาเรื่องสงครามการค้าจะคลี่คลายและสามารถหาข้อยุติได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แต่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะมีความผันผวน ซึ่งการปรับตัวลงของของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตดีในระยะยาว รวมทั้งมีความั่นคงทางการเมืองและมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในระดับที่ต่ำ เช่น จีนและ อินเดีย

การลงทุนในเดือน มิ.ย. นี้ ยังรอให้ตลาดกลับมามีปัจจัยบวก ดังนั้นควรทยอยขายทำกำไรบ้างเพื่อลดความเสี่ยง และติดตามข่าวสารการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องนะครับ ... หากต้องการคำแนะนำการลงทุนติดต่อได้ที่ 02-648-1111

 นักลงทุนสามารถติดตามข่าวสารบทวิเคราะห์การลงทุนจาก KTBST ได้ที่ “มุมมองการลงทุน” ทางเว็บไซด์ www.ktbst.co.th หรือสนใจติดต่อขอคำปรึกษาการลงทุนได้ที่ KTBST 02-648 111