ปลายทาง “เสี่ยโต้ง” คือพรรคส้มหวาน?

ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ “เสี่ยโต้ง” สวมหมวกผู้บริหารบริษัท เซิ้ง โปรดักชั่น แอนด์ ออแกไนเซอร์ จำกัด ทำพิธีบวงสรวงหนังเรื่องใหม่ชุด “ไทบ้าน เดอะซีรีส์”

สำหรับหนังชุดไทบ้านเรื่องใหม่ เป็นการลงทุนร่วมกันของ “เสี่ยโต้ง” กับ “เสี่ยต้อม” จิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเค 48

หนังเรื่อง “ไทบ้าน + BNK48” จะเข้าฉายปลายปีนี้ แต่หนังชีวิต “เสี่ยโต้งกะเสี่ยเน” เพิ่งเข้าฉายในโรงเมื่อคืนนี้ นับแต่วินาทีที่ “เสี่ยโต้ง” ประกาศ “งดออกเสียง” ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

10 ปีที่แล้ว สมัยที่เสี่ยโต้งเป็น ส.ส.พรรคชาติไทย ผู้คนก็รู้ทั้งศรีสะเกษว่า ชนะเลือกตั้งเพราะบารมีเตี่ย “ฉัฐมงคล” แลนด์ลอร์ดนครศรีลำดวน และนายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ ที่ผูกขาดนั่งนายกเล็ก ตั้งแต่หนุ่มจนแก่

ช่วงเว้นวรรคการเมือง เพราะพรรคชาติไทยถูกยุบ เสี่ยโต้งหันไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นนายกสมาคมกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ ทุ่มทุนสร้างทีมฟุตซอล ทีมวอลเลย์บอล ส่งผลให้ศรีสะเกษมีชื่อเสียงไม่แพ้จังหวัดอื่น และที่โด่งดังในหมู่คนGen X ของอีสานคือ หนังชุดไทบ้าน เดอะซีรีส์

เมื่อเสี่ยโต้งพ้นโทษแบน จะกลับมาเล่นการเมือง จึงมีแนวคิดรีแบนด์พรรคชาติไทยพัฒนา ให้เป็นพ้นสภาพ “พรรคท้องถิ่น” เป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่

เสี่ยโต้งรู้ดีว่า ถ้าพรรคชาติไทยพัฒนา ถ้าอยากปักธงในอีสาน ก็ต้องไม่เอา คสช. ไม่เอาเผด็จการทหาร ซึ่งกลุ่มคนหนุ่มในพรรคก็ตกผลึกความคิดเป็นเอกภาพ

แล้วฝันนั้นพลันสลาย เมื่อผู้ใหญ่ในพรรคชาติไทยพัฒนา ต้องการกลับไปสู่ยุค “พรรคสุพรรณ” และร้องขอให้ “ยังบลัด” ถอยออกมา เปิดทางให้ผู้อาวุโสเข้ามาบริหารพรรค

เสี่ยฉัฐมงคลเสียความรู้สึกอย่างมาก จึงต่อสายถึงเสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล ฝากลูกชายไปอยู่ภูมิใจไทย บวกกับ “เสี่ยตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ก็ไม่ชอบทหาร จึงหอบลูกชาย 2 คน บวกกับเสี่ยโต้งไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย

ลึกๆ เสี่ยโต้งคงไม่อยากไปสังกัดพรรคสีน้ำเงิน เพราะคนศรีสะเกษยังฝังใจคำว่า “พรรคคนทรยศนายใหญ่” แต่เวลานั้น ไม่มีทางเลือกมากนัก

ตอนหาเสียง เสี่ยโต้งจึงขายความเป็น “นักการเมืองรุ่นใหม่” นิยมประชาธิปไตย ไม่ฝักใฝ่เผด็จการ คนรอบนอกเขตเทศบาล ที่ชื่นชอบทักษิณจึงหันมาเทคะแนนให้เขา

การงดออกเสียง เป็นความตั้งใจของเสี่ยโต้ง และคาดว่า น่าจะย้ายไปอยู่พรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกจริตกันมากกว่า หากมีการเลือกตั้งใหม่