ในการมองอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนาคตของเทคโนโลยีและนวัตกรรม เครื่องมืออีกชนิดหนึ่งที่นักอนาคตศาสตร์
สามารถเลือกนำมาใช้ได้ก็คือ การสร้างตัวแบบอนาคตจากนิยายวิทยาศาสตร์ เครื่องมือนี้ คิดค้นขึ้นโดยนักอนาคตศาสตร์ของ บริษัทอินเทล ที่ได้รับมอบหมายให้มองอนาคตธุรกิจของบริษัท ซึ่งเป็นผู้ออกแบบและผลิตชิพคอมพิวเตอร์ ว่าบริษัทควรพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปในทิศทางไหน
ไบรอัน เดวิด จอห์นสัน คือนักอนาคตศาสตร์คนนั้น และเป็นผู้นำเสนอเครื่องมือที่เขาให้ชื่อว่า Science Fiction Prototyping (SFP) หรือ “การสร้างต้นแบบจากนิยายวิทยาศาสตร์” เนื่องจาก “นิยาย” หรือ “นวนิยาย” เป็นจินตนาการของผู้แต่งที่มักจะนำเสนอโดยอ้างอิงจากวิถีชีวิตของมนุษย์ที่เกิดขึ้น และสามารถสร้างฉากภาพที่เสมือนจริงที่มีอิทธิพลโน้มน้าวให้ผู้อ่านสนใจและติดตามเสมือนเรื่องนั้นๆ เกิดขึ้นได้จริง
ธุรกิจของอินเทลเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันและในอนาคต เครื่องมือ SFP จึงสามารถนำมาสร้างภาพอนาคตให้กับอินเทลได้เป็นอย่างดี และทำให้อินเทล ประสบความสำเร็จในการสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่เป็นผู้กำหนดวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในยุคคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
SFP เป็นวิธีการมองอนาคตที่มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบเทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ โดยการเขียนเป็นเรื่องเล่า ที่ผสมผสานความคิดและจินตนาการที่เกิดขึ้นมาจากฉากต่างๆ ในภาพยนต์ หรือในนิยายวิทยาศาสตร์ เข้ากับองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน
โดย SFP จะต้องรวมเอาองค์ความรู้ที่จำเป็นทางด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และวารสารศาสตร์ เข้ามาเพื่อสร้างกระแสและกำหนดทิศทางในอนาคตของเทคโนโลยี หรือนวัตกรรม ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวิถึชีวิตของมนุษย์ เช่น อาหารการกิจ สุขภาพ การติดต่อสื่อสาร หรือ การคมนาคมขนส่ง ฯลฯ เป็นต้น
การนำ SFP มาใช้ในการสร้างฉากภาพเพื่อมองอนาคต ประกอบด้วยวิธีการ 5 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นตอนที่ 1 เลือกสาขาของวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีที่สนใจจะสร้างขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางในอนาคต แล้วกำหนดโครงเรื่องคร่าวๆ ของเรื่องราวที่จะสร้างขึ้น เช่น สถานที่ที่จะเป็นท้องเรื่อง เวลาที่เรื่องราวจะเกิดขึ้น และตัวละคร ที่ต้องเกี่ยวข้องตัวอย่างเช่น การนำ “วุ้นแปลภาษา ของโดเรมอน” มาเป็นตัวแบบของเทคโนโลยีที่อาจเกิดขึ้นได้จริงในอนาคต โดยนำไอเดียมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง “โดเรมอน” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นจินตนาการที่นำเสนอเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตที่ หุ่นยนต์ “โดเรมอน” นำติดตัวมายังโลกในรูปของ “ของวิเศษ” โดยใช้ ไทม์แมชีน เดินทางจากอนาคตมาสู่โลก และมี “โนบิตะ” ที่เป็นเด็กที่ทึ่มๆ และขี้ขลาด มาเป็นคู่หูที่จะได้ใช้ของวิเศษจาก โดเรมอน มาทำให้ตัวเองกลายเป็นเด็กเก่งและกล้าหาญ ภายใต้สถานการณ์คับขัน
ขั้นตอนที่ 2 วิเคราะห์ผลกระทบจากเทคโนโลยีในจินตนาการที่เกิดขึ้นต่อตัวละครในนิยายตามท้องเรื่อง โดย SPF จะเรียกว่า “ผลกระทบขั้นต้น” ตัวอย่างเช่น เมื่อโนบิตะได้ วุ้นแปลภาษา จากโดเรมอนแล้ว เกิดผลกระทบทำให้ โนบิตะและคณะ สามารถเอาตัวรอดได้ในต่างประเทศที่ไม่สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นสื่อสารกันได้ ผลกระทบต่อมาก็คือ โนบิตะทิ้งพจนานุกรมภาษาอังกฤษที่ต้องใช้ประจำไปเลย แลโนบิตะ สอบวิชาภาษาอังกฤษได้เกรด A อย่างไม่น่าเชื่อ
ขั้นตอนที่ 3 ขยายความของผลกระทบที่วิเคราะห์จาก ขั้นตอนที่ 2 โดยเชื่อมโยงกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสังคมและมนุษย์ในโลกปัจจุบัน เพื่อนำมาเป็นโครงเรื่องในฉากภาพอนาคตของเรา ตัวอย่างเช่น การที่โนบิตะและเพื่อนสามารถเอาตัวรอดได้ในต่างประเทศโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องภาษา อาจทำให้วัยรุ่นชาวญี่ปุ่นสนใจที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยตนเองมากขึ้น หรือ มีจำนวนนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวญี่ปุ่นเดินทางไปที่สหรัฐอเมริกามากขึ้น หรือ ผลกระทบจากการเลิกใช้พจนานุกร ทำให้ธุรกิจการพิมพ์พจนานุกรมและสารานุกรมต่างๆ ต้องล้มละลายไป หรือ การที่โนบิตะสอบได้ A ในวิชาภาษาอังกฤษ ทำให้โรงเรียนต้องเลิกสอนวิชาภาษาอังกฤษเพราะคนทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้ตัวภาษาเทคโนโลยี
ขั้นตอนที่ 4 นำประเด็นที่ได้ขยายความเทคโนโลยีตาม ขั้นตอนที่ 3 มาสวมบทบาทให้กับตัวละครของเราที่กำหนดไว้ในขั้นตอนที่ 1 แล้วจินตนาการต่อไปว่า ตัวละครของเรา จะต้องปรับพฤติกรรมหรือปรับตัวอย่างไรต่อเทคโนโลยีในอนาคตที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น เราอาจสร้างตัวละครที่เป็นบริษัทหรือพนักงานในธุรกิจการท่องเที่ยว เมื่อเกิดเทคโนโลยีการแปลภาษาโดยอัตโนมัติ ก็จะทำให้ธุรกิจเฟื่องฟู เกิดการจ้างงานอย่างมากมายในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ระบบเศรษฐกิจที่เคยอาศัยอุตสาหกรรมการผลิตเป็นตัวเร่ง กลับกลายเป็นอุตสาหกรรมบริการที่จะมาเป็นพระเอกแทนที่
หรือ เราอาจสร้างตัวละครที่เป็นนักวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการและสารอาหาร การที่สามารถเข้าใจผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นในส่วนอื่นๆ ของโลกโดยไม่มีภาษาเป็นอุปสรรค อาจนำไปสู่การค้นพบเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของมนุษย์ หรือตัวละครที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ อาจพยากรณ์ว่า เจ้าของเทคโนโลยีการแปลภาษา (ผู้ที่มีทุนทรัพย์สามารถซื้อวุ้นแปลภาษามาครอบครองได้) ก็จะยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนยากจนกับคนร่ำรวยมากขึ้น หรือ อาจเกิดผลกระทบทำให้ผู้ที่เรียนภาษาศาสตร์ในยุคที่เราวาดภาพไว้ ต่างพากันตกงาน
ขั้นตอนที่ 5 สรุปบทเรียนที่เกิดขึ้นจากฉากภาพในอนาคต เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่เกิดขึ้นจากการใช้เครื่องมือ SFP
จะเห็นได้ว่า ในการใช้เครื่องมือ SFP เพื่อนำไปสู่การค้นหากลยุทธ์ที่จะรองรับอนาคต จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในปัจจุบันอยู่ก่อนแล้ว โดยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากศาสตร์อื่นๆ โดยเฉพาะ สังคมวิทยา และมานุษยวิทยา ประกอบกับความรู้ความเข้าใจแนวทางในการเขียนเรื่องเล่า (Story Telling) เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
ขอบคุณข้อมูลและตัวอย่างการทำ SFP จากเอกสาร “คู่มือการมองอนาคต” ที่พัฒนาและจัดทำโดย วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ สถาบันการมองอนาคตนวัตกรรม (IFI) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2562 ขอให้ผู้อ่านทุกท่านประสบความสุขความสำเร็จตามที่ปรารถนาทุกประการครับ