จุดไฟเผาบ้าน?

จุดไฟเผาบ้าน?

การ“ปลดกลางอากาศ” นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง

 (กกต.) หรือพูดอย่างเป็นทางการว่า “ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน” 4 ข้อตามการพิจารณาของ กกต.ทั้ง 5 และให้พ้นจากหน้าที่ทันที แม้ผ่านมาแล้ว 2 วัน แต่ยังคงเป็นประเด็น วิวาทะ” ที่สังคมให้ความสนใจ

เริ่มต้นจากคำอธิบายการไม่ต่อสัญญาว่า “ผลงาน”ไม่เข้าเป้า ทำงานล่าช้า ไม่ทำงานเชิงรุก ไม่มีแผนยุทธศาสตร์ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่พอรับฟังได้

ว่ากันว่าความ“บกพร่อง” ที่ทำให้สอบตกประกอบไปด้วยความล่าช้า ในการจัดทำศูนย์พัฒนาเทคโนโลยี การปรับปรุงโครงสร้างอัตรากำลัง การปรับปรุงอาคารสำนักงานภายในกกต. การจัดตั้งศูนย์ข่าวกรอง ฯลฯ

แต่ที่เป็นประเด็นใหญ่ก็คือข้อกล่าวหา ในทำนองว่ามีการนำข้อมูลทางราชการของ กกต. ไปเปิดเผยกับสื่อมวลชน รวมทั้งการใช้งบประมาณอย่างไม่โปร่งใส 

โดยเฉพาะการจัดสร้างสำนักงานกกต.จังหวัด การจัดซื้อเสื้อสูท การจัดทำงบประมาณการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 สูงเกินความเป็นจริง จนมีการท้วงติงจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)

เป็นที่มาของปฏิบัติการโต้กลับที่นายภุชงค์ ออกมาระบุถึงอาการ “ล้วงลูก” ของกกต. และมีการตอกย้ำผ่านการให้สัมภาษณ์สื่ออีกหลายครั้ง ว่าหมายถึง กกต.ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่“ประธาน”

โดยเชื่อว่าประเด็นที่ทำให้ถูกปลด ส่วนหนึ่งมาจากความขัดแย้งภายใน โดยเฉพาะประเด็นที่เข้าไปขวางการแก้ไขระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแต่งตั้งที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ พ.ศ.2551 ที่เดิมกำหนดให้ที่ปรึกษาของ 5 เสือแต่ละคน มีค่าตอบแทนเดือนละ 35,000 บาท ผู้เชี่ยวชาญ 2 คนคนละ 30,000 บาท

แต่มีการแก้ไขค่าตอบแทนที่ปรึกษาเพิ่มเป็น 60,000 บาท ส่วนผู้เชี่ยวชาญ เพิ่มเป็น 40,000 บาท 

รวมไปถึงการเพิ่มตำแหน่งเลขานุการ เงินเดือน 45,000 บาท ผู้ช่วยเลขานุการ เงินเดือน 15,000-23,000 บาท ที่นายภุชงค์ ระบุว่าหลังจากแก้ไขระเบียบ ก็มีการตั้งคนใกล้ชิด เข้ามารับตำแหน่ง

โดยที่ค่าใช้จ่ายของคนเหล่านี้รวมแล้วอยู่ที่เดือนละกว่า 2 ล้านบาท หรือปีละราว 24 ล้านบาท

ทั้งที่ กกต.แต่ละคนก็มีทีมงานฝ่ายประจำในสำนักงาน ไปจนถึงคนขับรถอยู่แล้ว 

ในขณะที่ประธาน กกต. นายศุภชัย สมเจริญ คนเดียวที่ออกเสียงผ่านการประเมิน ยืนยันด้วยท่าทีนุ่มนวลว่า กกต.ไม่มีการทุจริต ไม่มีการล้วงลูก และพร้อมจะดำเนินคดีหากพิจารณาแล้วว่านายภุชงค์ ทำให้ กกต.ได้รับความเสียหาย

ส่วนนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการการเลือกตั้ง ตอบโต้ทันควันว่าไม่ได้รังแกนายภุชงค์ 

แต่ตำแหน่งเลขาฯ กกต. เงินเดือนสูงกว่ากรรมการกกต.ทุกคน จึงมีความคาดหวังสูงว่าจะได้คนมีความสามารถเข้ามาทำงาน แต่เมื่อประเมินทั้ง 4 ด้านแล้วไม่ผ่าน ก็ต้องเลิกจ้าง

“อยู่มากี่ปีแล้ว ไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง เมื่อทำงานไม่สำเร็จจะให้อยู่ในตำแหน่ง กินเงินเดือนสูงๆทำไม... ไม่มีใครหรอกนะที่ออกจากบ้าน แล้วจุดไฟเผาบ้านตัวเอง"

อย่างไรก็ดีสิ่งออกมาจากปากทั้ง 2 ฝ่าย คงไม่ใช่เพียงบทสนทนา“ตอบโต้”เท่านั้น แต่หลายประเด็นมีความ“น่าสนใจ” ที่จะต้องพิสูจน์ทราบ เพื่อนำไปสู่การลงโทษหากพบมีการกระทำความผิดจริง และนำไปสู่การแก้ไขหากพบ“ช่องโหว่”

รวมทั้งน่าจะเป็นกรณีศึกษาของการร่างรธน. เหมือนอย่างที่ อ.มีชัย ฤชุพันธุ์ เคยเชิญ 5 เสือ ไปให้ข้อสังเกตถึงแนวทางการทำงานเมื่อเดือนที่ผ่านมา !!!  

.........................................

นฤพีร์ เพชรดล  [email protected]