แม่ทัพ 'หั่งกวง'

แม่ทัพ 'หั่งกวง'

หลังจากร่ำลือกันมา ตั้งแต่รัฐบาลประยุทธ์แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อเปิดทางให้นักการเมือง

 ที่เคยถูกเว้นวรรคทางการเมือง ได้เข้ามาเป็นเสนาบดีได้ ตอนนั้น ผู้คนก็นึกเห็นใบหน้า ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลอยมาทันที

มาถึงวันนี้ ก็ชัดเจนว่า “สมคิด” จะเข้ามาเป็นแม่ทัพเศรษฐกิจคนใหม่ ของรัฐบาลประยุทธ์

หั่งกวง แซ่จัง หรือ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นลูกคนไทยเชื้อสายจีน ที่ถูกเลี้ยงแบบจีนอย่างเข้มข้น บรรพบุรุษของเขาเป็นพ่อค้าธรรมดา ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างตัวในยุคก่อน และหลังสงครามโลกเหมือนคนอื่นๆ

เตี่ยของสมคิดตั้งร้านเตี่ยเซ็ง อยู่แถววัดเกาะ ครั้นต่อมาถูกไล่รื้อ จึงย้ายไปอยู่แถวตลาดน้อย แต่ร้านเตี่ยเซ็งนั้นไม่รุ่งเรืองดังชื่อของร้าน ประสบปัญหาการบริหารงานคือ เงินทุนหมุนเวียนไม่พอเพียง ไม่มีสินค้าเข้าร้าน กระทั่งขาดทุนจนต้องล้มละลาย และปิดกิจการในที่สุด

สมคิดลืมตาดูโลกในช่วงที่กิจการของพ่อเขาใกล้จะเจ๊งเต็มที หั่งกวงซึ่งหมายถึงแสงสว่างนั้น ไม่รู้ว่าผู้พ่อตั้งชื่อเช่นนี้เป็นนัยที่หวังให้ลูกคนนี้นำมาซึ่งแสงสว่างนำทางให้ครอบครัว ยามที่แสงสว่างภายในครอบครัวนั้นริบหรี่เต็มทีหรือไม่

“สมคิด” เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในช่วงสังคมไทยยุคนั้นเต็มไปด้วยผู้มีรากฐาน ไม่ว่ากลุ่มทุน หรือตระกูลสังคมชั้นสูง มันเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อ เขาใช้เวลาเพียง 10 ปีเศษ ก้าวจากอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมดาๆ ขึ้นสู่ตำแหน่ง “ขุนคลัง” ในรัฐบาลทักษิณ

เมื่อเกิดรัฐประหาร 2549 “สมคิด” เดินออกจากศูนย์อำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และหันไปสร้างเครือข่ายในนาม “กลุ่มธรรมาธิปไตย” ที่เชื่อมร้อยอดีตนักเลือกตั้งไทยรักไทย ประเภทดาวฤกษ์ ที่มีต้นทุนเป็นของตัวเอง

ใกล้ฤดูหาเสียง “สมคิด” ไปร่วมก่อตั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่มี ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์, เอนก เหล่าธรรมทัศน์, พิจิตต รัตตกุล และสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นแกนหลัก แต่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ไปไม่ถึงฝั่งฝัน โดยการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 พรรคได้ ส.ส. เพียง 9 ที่นั่ง

แม้พ่ายในสนามเลือกตั้ง แต่นักคิดเชิงยุทธศาสตร์แบบ “สมคิด” ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว มีการสร้างเครือข่ายนักคิด นักปฏิบัติ นักธุรกิจ ร่วมกันก่อตั้ง สถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future Foundation) ขึ้นตามคำแนะนำของนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส

ย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีก่อน หากบิดาของเขาประสบความสำเร็จในธุรกิจ ตอนนี้ ดร.สม จาตุศรีพิทักษ์ (พี่ชายคนโต) ก็อาจจะเป็น “หยี่เสี่ย” และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อาจจะเป็น “เสี่ยกวง” ไม่ใช่นักเรียนทุนรัฐบาลที่ดิ้นรนไปไขว่คว้าดอกเตอร์มาจากเมืองนอกเมืองนา

เหมือนชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้ “สมคิด” และพี่ชาย(ดร.สม) ได้มาร่วมงานกับตระกูล โชควัฒนา เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ช่วงที่เขาต้องว่างเว้นงานการเมือง ก็ได้ไปดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)

หลังรัฐประหาร 2557บุญชัย โชควัฒนาประธานกรรมการบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พร้อมกับดร.สม จาตุศรีพิทักษ์พี่ชายของสมคิด

ขณะเดียวกัน “สมคิด” ก็เป็นสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ ,คณะกรรมการขับเคลื่อนการทำงานของคณะรัฐมนตรี และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี'

จริงๆแล้ว ในกลุ่มแกนนำคณะรักษาความสงบแห่งชาตินั้น “สมคิด” รู้จักมักคุ้นอยู่คนเดียวคือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. เพราะ “บิ๊กป๊อก” เป็นศิษย์เก่าสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ส่วนสมคิดจบปริญญาโท MBA สาขาบริหารการเงินจากนิด้า เป็นอาจารย์สอนที่นิด้าอยู่พักใหญ่ และในวันนี้ เขายังเป็นกรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ และมีตำแหน่งเป็นศาสตราภิชานของนิด้า

ตั้งแต่รัฐบาลประยุทธ์ 1 “สมคิด” ส่งทีมงานไปช่วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ คืออภิรดี ตันตราภรณ์ นั่งเก้าอี้ รมช.พาณิชย์ และสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์

สำหรับการเข้ามารับตำแหน่งขุนทัพเศรษฐกิจคนใหม่ “สมคิด” มิได้มาแค่คนเดียว หากแต่ยังนำคนใกล้ชิดเข้ามาช่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น ดร.อุตตม สาวนายน อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพคนใหม่ และเป็นแกนหลักของสถาบันอนาคตไทยศึกษา

อีกคนหนึ่งคือ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นศิษย์เอกคนหนึ่งของสมคิด และเป็นนักคิดเชิงยุทธศาสตร์ที่ทำงานเคียงข้างสมคิดมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย

ส่วนว่าที่ขุนคลังคนใหม่ ที่จะมาแทน “ปู่สมหมาย” คือ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เพื่อนของสมคิดสมัยเรียนเตรียมอุดมฯ รุ่นที่ 33

คำว่า หั่งกวงซึ่งหมายถึงแสงสว่างนั้น คณะ คสช.ผู้ถืออำนาจ คงคาดหวังว่า แม่ทัพหั่งกวงจะเป็นแสงสว่างนำทางเศรษฐกิจให้ฟื้นตื่นจากการหลับใหลมายาวนานเสียที