ตัดสิทธิ “ปู” สู่เกมอันตราย?

ตัดสิทธิ “ปู” สู่เกมอันตราย?

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง กรณีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ วาระพิจารณา

ทบทวนบทบัญญัติและบันทึกเจตนารมณ์ เป็นวันที่สี่ มีประเด็นพิจารณาที่สำคัญ คือ หมวด 3 รัฐสภา ส่วนที่ 2 สภาผู้แทนราษฎร ในมาตรา 111 ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น “ส.ส.”

น่าสนใจเพราะแม้จะมีการ ปล่อยผี กรณีต้องห้าม มาตรา 111 (8) “เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือกระทำการอันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม” ไม่ครอบคลุม กลุ่มคนบ้านเลขที่ 111(กรณีกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ต้องโทษยุบพรรค และถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี) และ บ้านเลขที่ 109 (กรณีกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย 109 คน ต้องโทษยุบพรรค และถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี) โดยโฟกัสไปที่คนทำผิดเท่านั้น

แต่การ “มัดตราสัง” ปูยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณี(15) ของมาตรา 111 ที่กำหนดห้ามผู้ที่เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งหรือตัดสิทธิทางการเมือง ตามมาตรา 253 หรือมาตรา 254 ซึ่งแน่นอนทำให้ “ยิ่งลักษณ์” ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้

ก็แทบมองไม่เห็นว่าจะช่วยลดแรงเสียดทาน จากฝ่ายอดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ อาจเพียงแค่ทำให้ “คสช.” มีพันธมิตรทางการเมืองเพิ่มขึ้นเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ จึงน่ามองข้ามช็อตไปถึงการตัดสินใจทางการเมืองหลายอย่างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ “ยิ่งลักษณ์” นับจากนี้ จะยอมโดยง่ายหรือไม่

ถ้า “ไม่ยอม” ก็ต้องจับตามองสถานการณ์การเมืองทั้งในประเทศ และต่างประเทศจะปั่นป่วนเหมือนอย่างที่นักการเมืองบางคน เคยข่มขู่เอาไว้แล้วหรือไม่ กรณีแรงกระเพื่อมของคลื่นใต้น้ำ การสร้างสถานการณ์ของขบวนการใต้ดิน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงกดดัน “โลกล้อมประเทศไทย” ที่ “คสช.” จะต้องเจอทั้ง ลอบบี้ยิสต์ ฝ่ายตรงข้าม เจอกับ แดงอิสระ ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ และนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ฯลฯ ทั้งอยู่เหนือการควบคุมของ คสช.ด้วย

อย่าลืมว่า มีสัญญาณอันตรายให้เห็นตั้งแต่ “ยิ่งลักษณ์” ถูก “สนช.”(สภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ถอดถอนออกจากตำแหน่งและ ถูกฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แล้ว

สิ่งเหล่านี้ แม้อาจไม่เกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” โดยตรง แต่อย่าลืมว่า ในฐานะที่สองพี่น้อง รวมทั้งเครือญาติเป็นนายกรัฐมนตรีมาอย่างยาวนาน แถมมี “มวลชนคนเสื้อแดง” เป็นฐานการเมือง ย่อมมีคนรักอยู่จำนวนไม่น้อย

เพียงแต่วันนี้ ยังไม่รู้มีอะไรรออยู่เบื้องหน้าเท่านั้น!?

แต่ถ้า “คสช.” เอาอยู่ เหมือนอย่างที่กำลังจัดการกับ “กลุ่มแดงใต้ดิน” อยู่เวลานี้ สถานการณ์ที่น่าจับตามอง อาจอยู่ที่ “คดีอาญายิ่งลักษณ์” จะตัดสิน ก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง ถ้าก่อนเลือกตั้ง ก็อยู่ที่ว่า เป็น “บวก” หรือ “ลบ” และถ้าเป็น “ลบ” หรือถูกตัดสินจำคุก สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ การลุกฮือขึ้นมาปกป้อง “ยิ่งลักษณ์” ของมวลชนและพรรคเพื่อไทย จนอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าด้วยความรุนแรงกับ “คสช.”?

ส่วนถ้าคดียิ่งลักษณ์ตัดสินหลังเลือกตั้ง คนที่ต้องคิดหนักอาจเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย จะเอาใครมาเป็น “ผู้นำ” แทน “ยิ่งลักษณ์” รวมทั้งพ.ต.ท.ทักษิณยังพร้อมที่จะทุ่มสุดตัวเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่

เพราะอย่าลืมว่า สิ่งแรกที่ต้องชั่งน้ำหนักก็คือ คุ้มหรือไม่ ประการต่อมา ต้องการันตีการเข้าสู่อำนาจ และสุดท้าย คดีของ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” จะจบอย่างไร “สง่างาม” อย่างที่ต้องการหรือไม่ 

หรือถ้าจะว่าไปแล้ว ก็คือ เงื่อนไขปรองดอง นั่นเอง

และที่ทำให้ เงื่อนไขตกลงกันไม่ได้มาจนถึงวันนี้ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการ นิรโทษกรรมคดีทั้งหมด โดยไม่ต้องเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม แต่ฝ่าย บิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. ยืนยันมาตลอดว่า คนที่ทำผิดต้องเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม ผิด-ถูกศาลจะเป็นผู้ตัดสิน ส่วนการจะอภัยโทษ หรือนิรโทษกรรม เป็นอีกขั้นตอน รวมถึงการปรองดอง ก็ต้องแยกส่วนด้วย

แน่นอน, ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับถาวรไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ สิ่งที่คนไทยจะต้องเตรียมรับมือไม่แพ้ “คสช.” ก็คือ ความขัดแย้งระลอกใหม่ และปัญหาประเทศไทยที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่มีทางหลีกพ้น เว้นเสียแต่พระสยามเทวาธิราชจะคุ้มครอง