ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ IKEA กับตลาดอินเดีย

ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ IKEA กับตลาดอินเดีย

ตลอดช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมาที่ผมทำงานอยู่ในอินเดีย ข่าวคราวที่คนให้ความสนใจกันมากโดยเฉพาะบริษัทต่างชาติก็คือเรื่องนโยบายเปิดเสรีค้าปลีก

สำหรับบริษัทต่างชาติโดยรัฐบาลอินเดียในช่วงท้ายๆ ของพรรคคองเกรสได้อนุญาตให้บริษัทค้าปลีกต่างชาติสามารถเข้าไปถือหุ้นในธุรกิจค้าปลีกประเภท Single Brand ในอินเดียได้ถึง 100% จากที่เคยอนุญาตให้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 51% และในธุรกิจค้าปลีกประเภท Multi Brand อนุญาตให้บริษัทต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ร้อยละ 51% จากเดิมที่ไม่อนุญาตให้บริษัทต่างชาติถือหุ้นเลย ซึ่งผมได้เคยเขียนบทความไว้หลายตอนแล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ก็เลยดูเหมือนกับว่าเป็นการเปิดแบบปิดๆ ชอบกล


เรื่องเปิดเสรีค้าปลีกสำหรับบริษัทต่างชาติประเภท Multi Brand ซึ่งก็คือร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าหลากหลายยี่ห้อในร้านเดียวกัน อย่าง Wal-Mart หรือ 7-11 นี่คงยังหวังมากไม่ได้ เพราะรัฐบาลอินเดียเกรงว่าการเข้าตลาดของบริษัทค้าปลีกต่างชาติประเภทนี้อาจทำให้ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมของอินเดียซึ่งมีสัดส่วนอยู่ถึง 92% ล้มหายตายจากไปได้โดยง่าย ที่ยังพอจะมีหวังอยู่บ้างก็เป็นธุรกิจค้าปลีกประเภท Single Brand หรือร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้ายี่ห้อเดียวทั้งร้านอย่าง Nike, Adidas, Zara เป็นต้น แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไปไม่ถึงไหนสักที ยกเว้นยักษ์ใหญ่ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ IKEA จากสวีเดนเจ้าเดียวที่มีข่าวออกมาอยู่ตลอดเวลา และดูจะเป็นเจ้าเดียวที่ยังคงเดินหน้าฝ่าฟันเพื่อจะเข้าตลาดอินเดียให้ได้หลังจากที่อินเดียประกาศนโยบายเปิดเสรีค้าปลีกสำหรับบริษัทต่างชาติดังกล่าว โดยสาเหตุสำคัญที่ยักษ์ใหญ่ IKEA ยังคงยืนหยัดจะเข้าตลาดอินเดียให้ได้ก็เพราะอินเดียเป็นตลาดใหญ่มหาศาลด้วยประชากรกว่า 1.2 พันล้านคน ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพิ่มสูงขึ้น คนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อมีจำนวนเพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือ คนอินเดียมีรสนิยมทันสมัยมากขึ้นเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากการเดินทางไปต่างประเทศและได้รับข้อมูลข่าวสารจากต่างประเทศผ่านสื่อสมัยใหม่มากขึ้น ทั้งนี้ สำนักงานใหญ่ของบริษัท IKEA ได้จัดอันดับให้อินเดียเป็นตลาดสำคัญอันดับที่สามของบริษัทเลยทีเดียว


จริงๆ IKEA ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับอินเดียมานานแล้วเพราะอินเดียเป็นแหล่งจัดซื้อสินค้าสำคัญของ IKEA ในระดับท็อป 10 เลยทีเดียว โดย IKEA จัดซื้อสินค้าจากจีนมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 25% รองลงมาคือ โปแลนด์ 18% อิตาลี 7% สวีเดน 5% ลิธัวเนีย 4% อินเดีย 3% และจากส่วนอื่นๆ ของโลก 38% โดยอินเดียอยู่ในอันดับที่ 6 คิดเป็นมูลค่า 315 ล้านยูโร หรือประมาณเกือบ 12,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี 2020 หรือปี พ.ศ. 2563 IKEA จะจัดซื้อสินค้าจากอินเดียเพิ่มขึ้นอีกเป็นมูลค่าถึง 630 ล้านยูโรหรือกว่า 23,000 ล้านบาท โดยสินค้าที่ IKEA จัดซื้อจากอินเดียเป็นหลักจะเป็นสินค้าประเภทที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ และวัสดุธรรมชาติใหม่ๆ เช่น ปอกระเจา ไม้ไผ่ เส้นใยจากมะพร้าว และฝ้าย โดย IKEA จะออกแบบและพัฒนาสินค้าใหม่ขึ้นมาจากวัสดุธรรมชาติเหล่านี้


ยักษ์ใหญ่ IKEA ได้เริ่มเข้าไปเสาะแสวงหาสินค้าจากอินเดียมาตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1980 แล้ว โดยได้เริ่มเข้าไปจัดตั้งสำนักงานจัดซื้อในอินเดียเพื่อเสาะแสวงหาสินค้าใหม่ๆ ซึ่งสินค้าหลักๆ ก็คือ สิ่งทอ และพรมจากทั่วประเทศอินเดีย เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศใหญ่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมทำให้ IKEA มีโอกาสเลือกซื้อสินค้าที่มีรูปแบบและดีไซน์ที่หลากหลายไปจำหน่ายทั่วโลกได้ ปัจจุบัน IKEA ได้จัดซื้อสินค้าจากอินเดียหลากหลายชนิดมากขึ้นโดยขยายไปถึงเฟอร์นิเจอร์ ที่นอน เครื่องใช้ทำจากเหล็ก เครื่องใช้ทำจากพลาสติก โคมไฟ และสินค้าใหม่ๆ ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่หรือมะพร้าว เป็นต้น โดยปัจจุบัน IKEA ในอินเดียมีบริษัทที่คอยจัดหาสินค้าส่งให้กับ IKEA จำนวน 48 บริษัท ซึ่งมีคนงานรวมกันประมาณ 45,000 คน แต่ถ้ารวมคนงานที่บริษัทเหล่านี้ไปจ้างผลิตต่อทั้งระบบซัพพลายเชนแล้วจะมีจำนวนกว่า 4 แสนคนเลยทีเดียว จึงเห็นได้ว่า IKEA รู้จักอินเดียมานานแล้วและมีความสำคัญต่อการจ้างงานในประเทศอินเดียไม่น้อยเลยทีเดียว


ปัจจุบัน IKEA หันมาให้ความสำคัญกับการจัดซื้อสินค้าในอินเดียมากขึ้นโดยได้นำแนวทางในการจัดซื้อของบริษัทมาใช้ในประเทศอินเดียแล้ว หลักการสำคัญของ IKEA คือ จะเน้นไปที่การซื้อกำลังการผลิต (Production Capacity) มากกว่าที่จะมุ่งเน้นไปที่การซื้อสินค้าโดยตรงเพียงอย่างเดียว การซื้อกำลังการผลิตดังกล่าวเป็นการดำเนินการด้วยการจัดการทำสัญญาระยะยาวกับบริษัทผู้ผลิตสินค้าให้กับ IKEA หลายราย โดย IKEA จะเข้าไปทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตสินค้าอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต แนวการทำงานที่เรียกกันว่า Best Practices และการบริหารงาน เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และกำไรร่วมกันกับคู่สัญญา และเป็นกฎของ IKEA ที่จะมอบหมายให้ผู้ผลิตสินค้าหลายรายทำการผลิตสินค้าชนิดเดียวกันที่ขายดีเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงด้วย


กระบวนการในการจัดซื้อจัดหาสินค้าของ IKEA มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา IKEA ประเทศอินเดียก็ได้จัดสัมมนาขึ้นเป็นพิเศษชื่อว่า “Make More in India” ที่เมืองมุมไบและเมืองบังกาลอร์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายใหม่ “Make in India” ของรัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีพอดี โดยมีบริษัทผู้ผลิตสินค้าของอินเดียเข้าร่วมการสัมมนาดังกล่าวกว่า 100 ราย และเมื่อปีที่ผ่านมา IKEA อินเดียก็ได้จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการภายใต้หัวข้อ “Future Search” โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนากว่า 200 ราย ประกอบด้วยบริษัทผู้ผลิตสินค้า ผู้บริหารระดับสูงของ IKEA ผู้แทนภาครัฐ สื่อมวลชน และ NGO โดย IKEA ต้องการที่จะรู้จักอินเดียและผู้บริโภคอินเดียให้มากยิ่งขึ้น


พูดมาถึงตอนนี้ก็จะเห็นได้ว่ายักษ์ใหญ่ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ IKEA จากสวีเดนนี่เห็นความสำคัญของอินเดียมานานแล้ว แต่มองเห็นในด้านเป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มีศักยภาพสำหรับ IKEA เพื่อนำไปจำหน่ายทั่วโลก แต่ตอนนี้ IKEA ได้มองภาพของอินเดียในมิติที่แตกต่างไปแล้ว โดยมองเห็นถึงศักยภาพของอินเดียในฐานะ “ตลาด” ขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ IKEA จึงเป็นบริษัทค้าปลีกประเภท Single Brand จากต่างประเทศรายแรกที่ยื่นขออนุญาตและได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลอินเดียแล้วที่จะเข้าไปเปิดร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ในประเทศอินเดีย โดยมีแผนที่จะลงทุนถึง 105,000 ล้านรูปีหรือประมาณ 52,500 ล้านบาทในอินเดียเพื่อเปิดร้าน IKEA จำนวน 25 สาขาภายใน 10 ปี ทั้งนี้ IKEA จะมุ่งเน้นไปที่รัฐหลักๆ 4 รัฐก่อนคือ รัฐมหาราษฏระ รัฐกรณาฏกะ รัฐเตลังกานา และเดลีกับปริมณฑล โดยแต่ละสาขาจะมีการจ้างงานประมาณ 600 คน


การเปิดร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ของ IKEA เพื่อบุกตลาดอินเดียจึงจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่อาจจะไม่ใช่ในเร็ววันนี้ ทั้งนี้ คาดว่า IKEA จะเปิดได้ในปี 2017 หรือปี พ.ศ. 2560 โดยขณะนี้ IKEA ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจไปสองฉบับแล้วกับรัฐกรณาฏกะเพื่อจะเปิดร้านค้าปลีกที่เมืองบังกาลอร์ และกับรัฐเตลังกานาเพื่อจะเปิดร้านค้าปลีกที่เมืองไฮเดอราบาด และขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการเพื่อลงนามในบันทึกความเข้าใจกับรัฐมหาราษฏระ รัฐอุตตระประเทศ และรัฐหารยณะในเร็วๆ นี้ โดยแต่ละสาขาของ IKEA ในอินเดียจะมีการลงทุนสาขาละประมาณ 6,000 ล้านรูปี (รวมค่าที่ดินแล้ว) และมีพื้นที่ประมาณ 350,000-400,000 ตารางฟุต จำหน่ายสินค้ากว่า 9,000 ชนิด


ก็เป็นอันว่ายักษ์ใหญ่ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกอย่าง IKEA ก็เข้ามาบุกตลาดอินเดียแน่นอนแล้วครับ ผมคิดว่ามุมมองของ IKEA เกี่ยวกับโอกาสในตลาดอินเดียทั้งในแง่ที่เป็นแหล่งผลิตสินค้าและเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพเป็นมุมมองที่น่าสนใจมาก และน่าจะเป็นแนวทางการเข้าตลาดอินเดียที่น่าจะได้ผลดี...ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปครับ