ลองขับ ‘เชอรี่ ทิกโก้ 4’ว่าที่น้องใหม่ บี เอสยูวี คู่แข่ง ยาริส ครอส

เชอรี่ (CHERY) เป็นแบรนด์รถยนต์รายใหญ่อีกแบรนด์หนึ่งของจีน มีฐานบัญชาการอยู่ที่เมือง อู่หู  (Wuhu) มีรถยนต์ในเครือหลายแบรนด์ มีกิจกรรมการส่งออกที่โดดเด่น โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่ง

ในไทย เชอรี ส่งแบรนด์ โอโมด้า (OMODA) และ เจคู่ (JAECOO) เข้ามาบุกเบิกตลาด เริ่มต้นด้วยรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี คือ โอโมด้า ซี 5 อีวี และ เจคู่ เจ 6 ก่อนจะเสริมด้วยปลั๊ก-อิน ไฮบริด เจคู่ เจ 5 เอสเอชเอส (SHS : Super Hybrid System)

ขณะที่แบรนด์ เชอรี กำลังจะตามมาเร็ว ๆ นี้ ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 โดยจะแยกกันทำตลาดชัดเจน รวมถึงโชว์รูม พูดง่าย ๆ คือ หน้าบ้านแยกกัน ส่วนหลังบ้านการบริหารงานบางส่วนอาจจะมีส่วนร่วมกัน 

ส่วนแนวทางการทำตลาด เชอรี จะต่างจากโอโมด้า และเจคู่ โดยจะมีความเป็นแมส (mass) มากกว่า

เชอรี ระบุว่าการเปิดตัวรถในไทย มีแผนส่งหลายรุ่นเข้ามาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น

• ทิกโก้ 7 (Tiggo 7)
• ทิกโก้ 8
• เชอรี วี 23 หรือที่จีน คือ ไอคาร์ วี 23 (iCAR V23)
• ทิกโก้ ครอส (Tiggo Cross) หรือที่ใช้ชื่อ ทิกโก้ 4 ในจีน 

ชื่อของทิกโก้ 4 นั้น มาทีหลัง ทิกโก้ 7 กับ ทิกโก้ 8 สำหรับตลาดประเทศไทย แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นหนึ่งในความตั้งใจของเชอรีที่จะใช้มันเป็นตัวสร้างตลาด

เป็นรถในกลุ่ม บี-เอสยูวี มีความยาว 4,320 มม. กว้าง 1,831 มม. สูง 1,665 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,610 มม.

เพราะเอสยูวี บี-เซ็กเมนต์ มีขนาดตลาดที่น่าสนใจ และสิ่งที่ผู้บริหารเชอรีพูดเมื่อมีโอกาสพบกันที่อู่หูเมื่อไม่นานมานี้ ก็คือ เป้าหมายการตลาดของ ทิกโก้ 4 คือ การมองไปที่การแข่งขันกับ โตโยต้า ยาริส ครอส บี เอสยูวีที่ขายดีที่สุดในขณะนี้

แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก กับความเชี่ยวชาญในการทำตลาดของโตโยต้า และเป็นการแข่งกันตรง ๆ ด้านเทคโนโลยีพลังงาน คือ เป็นไฮบริด ไม่ใช่ อีวี

แต่เมื่อเชอรี มุ่งมั่นชัดเจนว่าจะแข่งขันกับเบอร์ 1 นั่นทำให้ผู้บริโภคหลายคนก็มีสิทธิ์คาดหวังว่าน่าจะได้เห็นระดับราคาที่น่าสนใจ หรือไม่ก็ออปชั่นแบบจุก ๆ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าในฐานะผู้มาใหม่ที่มีเป้าหมายสูง คงต้องใช้อาวุธหนักในการโจมตี

ก็รอดูกันไปครับว่าที่สุดจะออกมารูปแแบบไหน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมมีโอกาสได้สัมผัสกับ ทิกโก้ 4 ซีเอชเอส (CHS : Chery Hybrid System) เมื่อครั้งไปยือนฐานบัญชาการที่เมืองอู่หู โดยเชอรีนำรถมาได้ลองขับกันหลายรุ่น หลายแบรนด์ ทั้ง เชอรี, ไอคาร์, โอโมด้า และ เจคู่

ซึ่งจำนวนรุ่นที่มากมาย และมีผู้ร่วมขับจากหลายชาติทั่วโลก จึงเป็นการลงขับสั้น ๆ ในพื้นที่ปิดที่ทำเป็นสเตชั่นจำลอง แต่ก็พอรับรู้อารมณ์ของรถได้ แต่ภาพประกอบต่าง ๆ โดยเฉพาะภาพภายในของคันจริงที่ลองขับนั้นจึงไม่มีจังหวะถ่าย

รอบแรกนั่งเพื่อดูเส้นทางก่อน ผมขึ้นไปนั่งเบาะหลัง เพื่อให้สัมผัสพื้นที่ของรถให้มากที่สุด 

ต้องบอกว่าใช้ได้เลยครับ ในด้านของพื้นที่ใช้สอยของรถในกลุ่ม บี-เซ็กเมนต์ มีความกว้าง นั่งได้สบาย พื้นที่วางเท้าเหลือ พื้่นที่ว่างช่วงเขาก็ห่างจากเบาะหน้าพอควร ตัวเบาะยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้รู้สึกโปร่งโล่ง แก้ทางกับขอบหน้าต่างด้านล่างที่ยกตัวขึ้นด้านหลัง

ส่วนหลังคาที่ออกแบบให้ท้ายลาดลง เพื่อเพิ่มมุมมองสปอร์ต ไม่มีผลต่อเฮดรูมครับ 

ด้านการขับขี่ที่ออกแบบสนามให้มีสเตชั่น สลาลอม สเตชั่นทางโค้งกว้างที่ใช้ความเร็ว และการทดสอบการควบคุม ความคล่องตัวในสเตชั่นเลข 8 

จังหวะการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่อืด จังหวะเปลี่ยนความเร็ว ผ่อนแล้วเร่งขึ้นไปใหม่ก็ทำได้ดี การควบคุมการขับซิกแซกในสเตชั่นสลาลอมด้วยความเร็วพอควร ยังควบคุมได้ดี แต่ก็เริ่มรับรู้ถึงการโยนตัวของตัวถังพอประมาณ จากการโยกไปมาซ้ายขวา

ทางโค้งกว้าง ๆ จับจังหวะให้ดี ๆ เติมคันเร่งเพิ่มได้ ขับสนุก พวงมาลัยมีแรงหน่วงทำให้ควบคุมได้ดีในจุดนี้

การขับในสเตชั่นเลข 8 ต้องอาศัยพวงมาลัยกับการใช้คันเร่งแม่น ๆ ก็สามารถเกาะติดกับกรวยได้ แต่ถ้าเติมคันเร่งมากไป รถตีวงกว้างหนีกรวยไปสักหน่อย ซึ่งน่ามาจากการตัวของตัวถังและแรงส่งที่ดึงล้อออกไป ทำให้มีอาการอันเดอร์สเตียร์เกิดขึ้นบ้าง

แต่หากมองที่การขับขี่ในชีวิตจริง ก็คงต้องมองที่การขับสลาลอมหรือสถานีโค้งกว้าง ที่ถือว่าทำได้ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ 

แต่หากให้ดีกว่านั้น และน่าจะเข้ากับตลาดเมืองไทย เข้ากับถนนหนทางบ้านเรา ช่วงล่างที่ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลังทอร์ชั่น บีม อาจจะต้องเซ็ทเพิ่มความแข็งอีกสักหน่อย ก็คงดี 

ซึ่งเชื่อว่า เชอรี่ คงเซ็ทแน่ครับ เหมือนกับรถจีนหลาย ๆ รุ่นที่ส่งเข้ามาทำตลาดบ้านเราก่อนหน้านี้