เที่ยวให้ปลอดภัย

เที่ยวให้ปลอดภัย

พฤษภาคม เดือนที่ห้าของปีนี้ มีวันหยุดต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นเดือน ปลายสัปดาห์แรกของเดือนนี้ มีวันหยุดยาวต่อเนื่องรวม ๓ วัน เพราะวันอาทิตย์ที่ ๔ พ.ค. เป็นวันฉัตรมงคล วันจันทร์ที่ ๕ พ.ค.จึงเป็นวันหยุดชดเชยของทางราชการ

มาถึงสุดสัปดาห์นี้ก็ยังคงเป็นวันหยุดต่อเนื่อง ๓ วันอีกเช่นกัน เพราะวันอาทิตย์ที่ ๑๑ พ.ค. เป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในประเทศไทย วันจันทร์ที่ ๑๒ พ.ค. จึงเป็นวันหยุดชดเชยเช่นกัน

เมื่อมีวันหยุดต่อเนื่องกันมากกว่า ๒ วัน แน่นอนว่าคนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ต่างวางแผนที่จะเดินทางไปพักผ่อนนอกกรุงเทพฯ กันจำนวนมาก บ้างก็วางแผนไปพักผ่อนท่องเที่ยวต่างประเทศ บ้างก็วางแผนที่จะไปพักผ่อนต่างจังหวัด อาจจะเป็นจังหวัดใกล้บ้างจังหวัดไกลบ้าง ตามแต่จะเลือกหรือตามแต่ใจชอบ และจำนวนไม่น้อยก็เลือกการขับรถยนต์ด้วยตนเอง สำหรับการเดินทางพักผ่อนหย่อนใจ ไม่เว้นแม้แต่คนที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันนี้มีคนไทยจำนวนมากนิยมเช่ารถยนต์และขับด้วยตนเอง

วันนี้ผมจึงขอถือโอกาสเอาเรื่องการขับรถยนต์มาคุยกันสบาย ๆ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ขับรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเริ่มต้นที่การเช่ารถยนต์ขับในต่างประเทศกันก่อน หากเป็นผู้ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนั้นๆมาก่อน เช่น เคยไปเรียนหนังสืออยู่หลายปี หรือเคยไปทำงานในประเทศนั้นมาหลายปี กรณีเช่นนี้คงไม่ต้องแนะนำอะไรกันมาก เพราะย่อมคุ้นเคยกับระบบการจราจร และหลักกฎหมายจราจรของประเทศนั้น ๆ กันดีอยู่แล้ว จะต้องเตือนกันก็เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นก็คือ “อย่าติดนิสัยที่ขับรถในประเทศไทยไปใช้ในประเทศนั้น”

เพราะแม้ว่าเราจะเคยใช้ชีวิตในประเทศนั้น ๆ มาบ้าง แต่เมื่อกลับมาอยู่ประเทศไทยนานปี บางคนก็อาจจะติดนิสัยการขับรถในบ้านเรา คืออยากเบียดเปลี่ยนเข้าเลนเมื่อใดก็ทำทันที หรืออยากจอดตรงไหนก็จอด จอดติดไฟแดงทับทางม้าลายก็มี ฯลฯ อะไรเหล่านี้ ซึ่งล้วนเป็นเรื่องผิดกฎหมายอย่างมากในต่างประเทศ 

ที่สำคัญที่สุดสำหรับการเช่ารถยนต์ขับในต่างประเทศก็คือ ควรซื้อประกันภัยเอาไว้ อย่าขี้เหนียวเป็นอันขาด เพราะหากเกิดเหตุใด ๆ ขึ้นมา แล้วรถที่เราเช่าไม่ได้ทำประกันเอาไว้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นมันจะไม่คุ้มกับค่าเบี้ยประกัน

ในกรณีที่ขับรถยนต์ส่วนตัวเที่ยวในประเทศ หากรถยนต์ที่ขับไม่ใช่รถยนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ขับรถยนต์ของเพื่อนหรือไปเช่ารถยนต์ในพื้นที่ขับเที่ยว กรณีเช่นนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือ เมื่อเริ่มขับรถให้ทำการปรับตัวเองให้เข้ากับอุปกรณ์ต่างของๆรถ ทำความคุ้นเคยกับตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ใช้ประจำ เช่นการเปลี่ยนเกียร์ ไม่ว่าจะเปลี่ยนที่คันเกียร์หรือเปลี่ยนที่แป้นหลังพวงมาลัย เพราะรถยนต์แต่ละรุ่นจะมีทิศทางการเปลี่ยนเกียร์ต่างกันไป สวิตช์ไฟเลี้ยวและสวิตช์ก้านปัดน้ำฝนก็เป็นสิ่งที่ใช้สลับกันเสมอ จังหวะการเร่งและเบรกของรถยนต์แต่ละคันก็แตกต่างกัน คนที่ทำหน้าที่ขับรถ แล้วต้องขับรถที่ไม่คุ้นเคย จึงต้องปรับตัวและพยายามเตือนตัวเองไว้ตลอดเวลา

เมื่อต้องขับรถเดินทางไกล หรือต้องขับรถเป็นระยะทางยาวไกลต่อเนื่องเป็นเวลานาน ต้องวางแผนที่จะหยุดเพื่อพักรถและพักคนด้วย อย่างน้อยไม่ควรเกิน ๒๕๐ กม. ก็ควรจะจอดพัก ทุกครั้งที่พักรถต้องเดินตรวจสอบรอบตัวรถด้วยสายตาหนึ่งรอบ ตรวจดูความสมบูรณ์ของยาง ทั้งสภาพภายนอกของยาง ดูแรงดันลมยางด้วยตาเอาไว้บ้าง หากเห็นว่าแก้มยางแบนลงผิดปรกติ จึงค่อยตรวจวัดแรงดันลมยาง และเมื่อต้องตรวจวัดแรงดันลมยางขณะที่ลมภายในยางมีอุณหภูมิสูง ให้ระวังยางระเบิดเอาไว้ด้วย และหากพบว่ามีบาดแผลที่ยางโดยเฉพาะบริเวณไหล่ยางและแก้มยาง ให้ทำการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทันที หรือหากมียางอะไหล่ให้เอายางอะไหล่ลงมาใช้งานแทนยางเส้นนั้น หลีกเลี่ยงการใช้งานยางที่มีบาดแผลบริเวณแก้มยางและไหล่ยาง เพราะเป็นส่วนที่อ่อนแอที่สุดของยาง หากใช้งานต่อไปอาจจะทำให้เกิดยางระเบิด จนส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้

ในกรณีที่เป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน หากต้องการเปิดฝาหม้อน้ำเพื่อทำการอย่างใดก็ตาม ต้องทำตามกฎว่าด้วยความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นน้ำที่อยู่ในหม้อน้ำซึ่งกำลังร้อนจัด อาจจะดันฝาหม้อน้ำให้เปิดออกมา แล้วน้ำร้อนหรือไอน้ำก็อาจจะพุ่งออกมา โดนใบหน้าหรือร่างกายของผู้ที่อยู่ใกล้เคียงจนบาดเจ็บสาหัสได้ 

การเปิดฝาหม้อน้ำที่ถูกต้องก็คือ ให้หมุนฝาหม้อน้ำคลายออกมาตามทิศทางที่มีลูกศรกำกับเอาไว้ โดยไม่ต้องออกแรงกดลงไปที่ฝาหม้อน้ำ เมื่อฝาหม้อน้ำหมุนคลายมาจนถึงจุดที่มีการล็อกเอาไว้ ให้ปล่อยคาอย่างนั้นสักพักหนึ่ง เพราะหากมีแรงดันเกิดขึ้นภายในหม้อน้ำ ไอน้ำหรือน้ำที่ร้อนและขยายตัว หากจะพุ่งขึ้นมาก็จะติดกับขอบฝาหม้อน้ำ ซึ่งเป็นตัวป้องกันไม่ให้ไอน้ำหรือน้ำร้อนพุ่งขึ้นด้านบนมา แต่จะไหลลงไปด้านล่างของหม้อน้ำ ทำให้คนที่เปิดฝาหม้อน้ำปลอดภัยจากความร้อน

ท้ายที่สุดสำหรับกรณีของการขับรถยนต์ส่วนตัวท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม ผู้ทำหน้าที่ขับรถต้องนึกไว้เสมอว่า ตนเองทำหน้าที่ขับรถจึงมีโอกาสที่จะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์สองข้างทางได้น้อยกว่าคนอื่น ผู้ร่วมรถที่เป็นผู้โดยสารก็ต้องเตือนตนเอาไว้ด้วย ว่าต้องคอยช่วยคนขับรถด้วยการสอดส่องดูแล ทั้งบนถนนและสองข้างทางเอาไว้ตลอดเวลา และต้องไม่กระตุ้นหรือยั่วยุให้คนขับเกิดความคึกคะนองขึ้นมาอย่างเด็ดขาด ต้องไม่เสิร์ฟของมึนเมาให้ผู้ขับรถ 

และหากพบว่าคนขับมีอาการผิดปรกติ เช่นกะพริบตามบ่อยครั้งและถี่ขึ้น ก็ควรจะเตือนคนขับให้จอดรถพักผ่อนร่างกาย หรือเปลี่ยนคนทำหน้าที่ขับรถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการหลับในครับ