กุญแจและกันขโมย

ปัญหาการโจรกรรมที่เกิดขึ้นกับรถยนต์นั้น หากจะแยกประเภทก็คงมีสองประเภทหลัก ได้แก่การโจรกรรมเอารถยนต์ไปทั้งคัน และการโจรกรรมที่ประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งประเภทแรกปัจจุบันลดน้อยลงมาก
อาจจะเป็นเพราะมีการป้องกันจากผู้ผลิตมากขึ้น หรืออาจเป็นเพราะรถยนต์หาซื้อได้ง่ายขึ้น ทั้งรถยนต์ใหม่ รถยนต์ใช้แล้ว การโจรกรรมทั้งคันปัจจุบันจึงมักจะมาจากเหตุผลใหม่ ๆ เช่น เอาไปประกอบอาชญากรรม หรือการคึกคะนองเพื่อเอารถยนต์ที่หมายตาไปขับเล่น และท้ายที่สุดเป็นเหตุผลที่เกิดมากขึ้นทุกวันโดยไม่มีใครสังเกต นั่นคือโจรกรรมเพื่อเอาแยกชิ้นส่วน
ส่วนการประสงค์ต่อทรัพย์ภายในรถยนต์ยังคงเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอและไม่มีทีท่าว่าจะลดลง อาจจะเป็นเพราะปัจจุบันคนใช้รถเก็บเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ต้องใช้งานทิ้งไว้ในรถมากขึ้น และจอดห่างจากที่พักหรือที่ทำงานมากขึ้น
การป้องกันทำได้ด้วยการไม่ทิ้งของที่เป็นการล่อตาล่อใจ เช่น ไม่วางของมีค่าเอาไว้ในที่ที่มองเห็นจากภายนอกรถได้ ของมีค่าที่กล่าวมาบางครั้งเจ้าของรถอาจจะคิดว่าไม่มีค่า แต่โจรผู้ร้ายอาจจะมองตรงกันข้าม เช่น วางแว่นกันแดดที่แผงหน้าปัด โจรผู้ร้ายที่มีหลายระดับผ่านมาเห็น และเป็นโจรที่ติดยาเสพติดต้องการเงินเพียงแค่หลักร้อยบาท จึงงัดหรือทุบกระจกเอาแว่นไป
ดังนั้น แว่นตา, กระเป๋าใส่เอกสาร, กระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะมีคอมพิวเตอร์อยู่ภายในหรือไม่, เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีราคาหรือหายาก แม้แต่เสื้อแจ๊กเก็ตหรือรองเท้าลำลองยี่ห้อดัง ควรเก็บให้พ้นสายตา ยกเว้นแต่เชื่อมั่นว่ามีที่จอดที่ปลอดภัยเพียงพอ
โดยเฉพาะการจอดตามลานจอดรถที่มีบริเวณกว้างขวาง และมักจอดทิ้งไว้นาน ๆ มีเจ้าหน้าที่เดินตรวจตราน้อย เพราะผู้ร้ายอาจจะเฝ้าดูเจ้าของรถ เมื่อเห็นว่าไปชอบปิงเป็นเวลานาน หรือตีตั๋วเข้าไปชมภาพยนตร์ หรือต้องเดินทางต่อด้วยพาหนะอื่น เช่น รถไฟฟ้าหรือเครื่องบิน ก็ทำให้มีเวลาในการสำรวจและโจรกรรมรถยนต์ได้สะดวกขึ้น
ส่วนการโจรกรรมรถยนต์ทั้งคันที่เกิดขึ้นน้อยลง นอกเหนือไปจากตลาดประเทศเพื่อนบ้านจะมีความต้องการลดลงแล้ว ผู้ผลิตก็ติดตั้งระบบต่าง ๆ ทั้งระบบป้องกันการโจรกรรม เช่น การป้องกันการสตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบเตือนเมื่อพยายามสตาร์ต ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีผู้อื่นเข้าไปภายในรถ และกระทั่งระบบแจ้งตำแหน่งของรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรมไปแล้ว ระบบต่าง ๆ เหล่านี้ติดตั้งมาจากโรงงาน พร้อมบวกราคาเพิ่มเข้าไป
เป็นระบบที่เจ้าของรถต้องเรียนรู้กันให้มาก ด้วยว่าหากมีเหตุขัดข้องจากการใช้งาน จะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่แพงมาก
ตัวอย่าง เช่น กุญแจที่ติดตั้งระบบป้องกันกุญแจผี หรือที่เรียกกันว่าระบบอีโมบิไลเซอร์ หรือกุญแจที่ฝังเครื่องส่งและรับสัญญาณเอาไว้ เจ้าของรถก็ต้องดูและรักษาลูกกุญแจให้ดี เพราะหากเสียหายหรือสูญหายจะต้องเสียค่าทำลูกกุญแจใหม่ที่แสนจะยุ่งยาก และมีค่าใช้จ่ายหลายพันบาทถึงหลายหมื่นบาท หรือแม้แต่กุญแจแบบอีโมบิไลเซอร์ที่ติดตั้งกับรถยนต์ทั่วไปแม้กระทั่งรถปิกอัพ เมื่อใช้ไปนาน ๆระบบก็เริ่มเสื่อม หากต้องการแก้ไขต้องเปลี่ยนกุญแจยกชุด มีค่าใช้จ่ายหลักหมื่นบาทเช่นกัน
กุญแจรถยนต์ในปัจจุบันจึงไม่ใช่เพียงแค่อุปกรณ์สำหรับเปิดประตูปิดประตูเท่านั้น แต่กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ต้องเรียนรู้วิธีการใช้งาน หลายคนรู้วิธีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตนเอง และบอกว่าสามารถประหยัดเงินมากกว่าไปเปลี่ยนที่ศูนย์บริการ แต่ต้องระมัดระวังความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในขั้นตอนการเปลี่ยน เพราะหากกระแสไฟลัดวงจร หรือมีการแตกที่เปลือกของดอกกุญแจ ก็จะทำให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น
หลายครั้งที่ไม่สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ หรือระบบของอีวีได้ ต้องเรียกรถยกนำรถไปเข้าศูนย์บริการ ทั้งที่สาเหตุอาจจะมาจากกุญแจที่ส่งคลื่นสัญญาณไปยังตัวรับ มีความผิดพลาด จากการโยนกุญแจกระแทกกับพื้นโต๊ะบ่อย ๆ หรืถูกน้ำ หรือเปียกชื้น
จึงต้องดูและลูกกุญแจอย่างทะนุถนอม และควรเอากุญแจที่มีหลายดอก ออกมาสลับกันใช้งานด้วยครับ







