‘XPENG’ อัปเกรด เทคโนโลยี - AI เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ

เอ็กซ์เผิง (XPENG) แบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) เข้ามาเปิดตลาดในไทย เริ่มต้นด้วยการโชว์ตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ปี 2567 

ส่วนในเวทีโลก เอ็กซ์เผิง ถือเป็นแบรนด์ใหม่ของจีน จัดเป็นสตาร์ทอัพ ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2557 โดย “เหอ เสี่ยวเผิง” ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO 

ซึ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจ ซอฟต์แวร์มาก่อน 

และการเปิดตลาดยานยนต์ เหอ นำใช้สิ่งที่มีอยู่ต่อยอดมาสู่ยานยนต์ที่ปัจจุบันเรื่องของซอฟต์แวร์กลายเป็นสำคัญไปแล้ว 

เสี่ยวเผิง ต้องการใช้จุดแข็งของตนเองสร้างรถยนต์ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ชาญฉลาด และมองคู่แข่งสำคัญมีอยู่ 2 ราย ในโลกนี้ คือ เทสล่า และ เสียวหมี่ ภายใต้เงื่อนไขคือ ต้องทำได้ดีกว่า

เอ็กซ์เผิง เริ่มต้นจากการทำตลาดในประเทศ ก่อนที่จะขยับขยายไปยังต่างประเทศหลายแห่ง ปัจจุบันมีประมาณ 30 ประเทศ รวมถึงไทย โดยสัดส่วนตลาดต่างประเทศล่าสุดในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 12 % ด้วยยอด 2.3 หมื่นคัน 

แต่ที่น่าสนใจคือ คือ การขยายตัว 600%

แต่เอ็กซ์เผิงนั้นตั้งเป้าไว้มากกว่า 50% ในระยะเวลา 2-3 ปี 

ซึ่งเอ็กซ์เผิงมั่นใจว่าจะไปถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ไม่ยาก เพราะปัจจุบันชื่อชั้นของเอ็กซ์เผิงเป็นที่รู้จัก และการเปิดตลาดหลายแห่ง ก็ได้รับการตอบรับที่ดี 

โดยสิ่งที่ติดตัวไปก็คือ พรีเมียม และเทคโนโลยี 

โดยก่อนหน้านี้ เอ็กซ์เผิงตั้งเป้าว่าจะเป็นผู้ผลิตรถในตลาดแมส (mass) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขึ้นสูง ซึ่งตั้งแต่ปี 2567 เอ็กซ์เผิงก็มีเทคโนโลยีเด่น ๆ ที่ผู้คนจับตามองเช่น NGP (Navigation Guided Pilot) ทั้ง City NGP หรือ Highway NGP ที่มีระบบช่วยเหลือการขับขี่เต็มรูปแบบ อย่าง ADAS (advanced driver-assistance system)

และในงาน 2024 Beijing International Automotive Exhibition หรือ ปักกิ่ง ออโต้ โชว์ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เอ็กซ์ก็นำเสนอทิศทางในอนาคต  และเทคโนโลยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค็อกพิทอัจฉริยะ, การขับอัจฉริยะ, เทคโนโลยีอัดประจุไฟฟ้าความเร็วสูง, ยานยนต์บินได้ 

รวมถึงแบรนด์ย่อยใหม่ในเครือ MONA ที่เป็นชื่อย่อมาจาก Made Of New AI

ซึ่ง MONA เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม 2567 และถือว่าประสบความสำเร็จสูงทีเดียวจากยอดส่งมอบถึงสิ้นปี 2567 ที่ 4.8 หมื่นคัน เท่ากับ 15% ของยอดเอ็กซ์เผิงทั้งหมด และถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2568 ยอดเพิ่มขึ้นไปที่ 6 หมื่นคัน 

ส่วนภาพรวมการส่งมอบ เอ็กซ์เผิง ปี 2567 มีจำนวน 1.9 แสนคัน แต่หากดูทิศทางก็น่าสนใจ เพราะยอดขาย 1.9 แสนคัน เป็นการเติบโต 34% จากปีก่อนหน้า รวมถึงรายได้ และสัดส่วนผลกำไรที่เติบโตเช่นกัน 

และหากดูยอดขายรายไตรมาสก็พบว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และสำหรับไตรมาสแรกปี 2568 พบว่ามียอด 9.4 หมื่นคัน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของปีที่แล้วทั้งปี ซึ่งก็คงเป็นผลจากตัวสินค้าที่เพิ่มขึ้น และตลาดที่เพิ่มขึ้น 

เหอ ระบุในงานปักกิ่งฯ ปีที่ผ่านมา ว่า การนำเสนอนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่เวทีปักกิ่ง จะนำไปสู่บรรทัดฐานใหม่ของโลกยานยนต์ในอนาคต และช่วง 10 ปี จากนี้จะเป็น “ทศวรรษทองคำ” สำหรับยานยนต์อัจฉริยะ

พร้อมระบุว่า ปัจจุบัน AI พัฒนาค่อนข้างเร็วและเริ่มนำมาใช้อย่างแพร่หลาย และยานยนต์ อีวี เป็นผลิตภัณฑ์อันดับต้นๆ ที่นำ AI มาใช้ ทำให้วงการยานยนต์กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง จากที่เคยแข่งกันพัฒนาซอฟท์แวร์มาสู่การแข่งกันพัฒนา AI 

และล่าสุดวันที่ 15 เมษายน 2568 เอ็กซ์เผิง จัดงาน “XPENG Global Brand Night” ที่ Kai Tak Cruise Terminal ฮ่องกง พร้อมประกาศแผนธุรกิจต่อสื่อมวลชนเกือบ 200 ชีวิตจากหลายประเทศ แขกรับเชิญ ลูกค้า ฯลฯ

เป็นการอัพเดทแผนธุรกิจ ความคืบหน้าด้านเทคโนโลยี และที่สำคัญอีกสิ่งไม่แพ้กันก็คือ แผนการขยายตลาดต่างประเทศ สานต่อกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ คือ สัดส่วนตลาดต่างประเทศที่มากกว่า 50%

หนึ่งในแนวทางสำคัญที่ต่อเนื่องจากการประกาศก่อนหน้านี้ คือ การใช้ “เอไอ” ขับเคลื่อนอนาคต ซึ่งร่วมถึงสานต่อเป้าหมายการขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน เหอ ระบุว่า เอ็กซ์เผิงกำลังไปได้ดีในตลาดโลก ในหลาย ๆ ภูมิภาค รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดี เช่น เป็นผู้นำด้านยอดขายอีวีกลุ่มพรีเมียมราคาสูงกว่า 4 หมื่นยูโร (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) ในยุโรป

 

 

และหนึ่งในในแนงทางขยายตลาด คือ การสร้างความสะดวกในการใช้งาน สร้างความเชื่อมั่น โดยเอ็กซ์เผิง ลงทุนจำนวนมากสำหรับการขยายโครงข่ายสถานีชาร์จทั่วโลก

ปัจจุบันมีสถานีชาร์จเร็วพิเศษที่ดำเนินการเอง 2,110 แห่ง และยังมีความร่วมมือกับบริษัทระดับโลก เช่น โฟล์กสวาเกน และ บีพี พัลส์ (bp pulse) 

ปัจจุบันโครงข่ายสถานีชาร์ ครอบคลุมสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และในยุโรป อีก  27 ประเทศ

รวมทั้งสิ้น 2.07 ล้านหัวชาร์จ ใน 31 ตลาดทั่วโลก

"เอ็กซ์เผิง เชื่อว่า Globalization ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ซ้ำเดิมในแต่ละตลาด แต่เป็นการสร้างนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ โดยอิงตามความต้องการของแต่ละตลาด”

เหอระบุว่าในด้านโครงข่ายสถานีชาร์จอีวีทั่วโลกปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เอ็กซ์เผิง จึงต้องสร้างกลยุทธ์ในการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายยิ่งขึ้น" 

ทางด้าน เอไอ ปีนี้  เอ็กซ์เผิง จะขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ AI Tech Tree ที่อัปเกรดใหม่ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการเดินทางในอนาคต รวมถึงการใช้เทคโนโลยี AI บริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Solutions) 

เนื่องจาก AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ และเอ็กซ์เผิงมองว่าา AI เป็นสิ่งที่อยู่ในดีเอ็นเอของเอ็กซ์เผิงอยู่แล้ว 

นั่นทำให้การทำงานของเอ็กซ์เผิงจะสามารถรับรู้ สื่อสาร และเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่พึ่งพาการควบคุมจากระยะไกล

ทั้งนี้เอ็กซ์เผิง เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของจีน ที่จะผลิตรถยนต์ที่ใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ แบบ end-to-end และกำลังขยายระบบขับขี่อัจฉริยะที่ใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่นี้ออกไปทั่วโลก โดยเริ่มต้นการทดสอบแล้วที่ฮ่องกง

ขณะที่ชิปประมวลผล “Turing AI Chip” ได้บริษัทพัฒนาขึ้นเอง มีจุดเด่นคือ โปรเซสเซอร์ 40 Core  ศักยภาพในการคำนวณสูง 3 หมื่นล้านพารามิเตอร์ด้วยตัวเอง ทำให้พลังการประมวลผลสูงกว่าชิปที่ใช้ในปัจจุบัน 3 เท่า

ซึ่งชิปนี้จะถูกนำไปใช้กับ อีวี หุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์ รวมถึงพาหนะบินได้ ซึ่งจะทำให้สามารถแชร์เทคโนโลยีข้ามแพลตฟอร์มได้ โดยจะเริ่มผลิต ‘Turing AI Chip’ ในประเทศจีน ช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2568

ในการนำเสนอทิศทางธุรกิจ เอ็กซ์เผิงยังเปิดตัว “IRON”  หุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์ที่ใช้ “Turing AI Chip” เป็นหุ่นยนต์ที่มีข้อต่อ 60 จุด เคลื่อนไหวอิสระ 200 องศา  พลังประมวลผล 3,000 TOPS ระบบ การมองเห็นอัจฉริยะ 720 องศา

ซึ่ง IRON ทำงานในส่วนที่ละเอียดอ่อนได้ การทดสอบหรือการนำเสนอง่าย ๆ ให้เห็นภาพการทำงานที่ชัดเจน ไม่เพียงแค่ความสามารถในการถือไข่ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถหยิบกระดาษทิชชูได้ 

เป้าหมายของการพัฒนาหุ่นตัวนี้ คือ นำระบบการทำงานที่ได้ไปใช้ทำงานที่ซับซ้อนในโรงงาน รวมถึงการค้าปลีกต่าง ๆ 

อีกหนึ่งไฮไลท์ในงานที่ดึงดูดความสนใจของผู้ร่วมงานคือ การจัดแสดง “XPENG AEROHT Land Aircraft Carrier” ยานบินแบบ VTOL หรือ การขึ้น-ลง แนวดิ่ง รุ่นล่าสุดที่เพิ่มความสะดวกและความง่ายในการใช้งานด้วยการออกแบบเป็นโมดูลาร์ คือ ยานบินที่ขนส่งไปกับรถซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษให้เป็นสถานีชาร์จในตัว 

ขณะนี้มียอดจองล่วงหน้าแล้วมากกว่า 4,000 คัน และพร้อมเริ่มผลิตเพื่อจำหน่ายในปี 2569 เป็นต้นไป

"เอ็กซ์เผิง กำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำที่จะเปลี่ยนอนาคตของการเดินทาง ทั้งบนถนน, ท้องฟ้า และข้ามทุกสภาพแวดล้อมที่ขับเคลื่อนด้วย AI จากความมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี เรายึดมั่นในพันธกิจที่จะทำให้การเดินทางอัจฉริยะเข้าถึงได้ ปลอดภัย และเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้อย่างแท้จริง" เหอ กล่าว