ลองขับ Mazda CX-5 2.2 XDL เพิ่มออปชั่น หั่นราคา เพื่อนเก่าที่รู้ใจ 

Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5) ในยุคที่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ จัดเป็นรถยนต์ที่หลายคนชื่นชอบ แม้ว่าในยุคนั้นด้านยอดขายแข่งกับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ได้ยาก แต่ก็ถือเป็นรถที่สร้างชื่อให้กับมาสด้าไม่น้อย 

แต่ระยะหลังด้วยภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวรุนแรง บวกกับมาสด้าเองที่ไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ทำให้ยอดขายที่หายไปไม่น้อย

แต่ล่าสุดมาสด้าขยับตัวด้วยการปรับโฉม ปรับออปชั่น เพิ่มออปชั่น และที่สำคัญ คือ ปรับราคาลดลง เพื่อสร้างแรงดึงดูดใจมากขึ้น

มาสด้ายังตัดรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 เทอร์โบ ออกไป เหลือแต่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร และ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร

ซึ่งหากดูราคาเดิมของ 2 เครื่องยนต์นี้ ประกอบด้วย 

• 2.0 S 1,349,000 บาท
• 2.0 SP 1,499,000 บาท 
• 2.2 XDL 1,799,000 บาท

แต่หลังการไมเนอร์เชนจ์ ช่วงปลายปีที่แล้ว ราคาใหม่ลดลงมาประกอบด้วย 

• 2.0 S 1,219,000 บาท 
• 2.0 SP 1,299,000 บาท
• 2.2 XDL ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD 1,669,000 บาท

สำหรับการปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมที่มีในทุกรุ่นย่อย ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เช่น ไฟหน้าและไฟท้าย แบบ LED Signature  กระจังหน้าและ Signature Wing ล้ออัลลอย ดีไซน์ใหม่ 

แอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ แบบไร้สาย เพิ่ม paddle shift การเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองที่พวงมาลัย ระบบเปิด-ปิด ฝาท้ายด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบเปิด-ปิด แบบแฮนด์ฟรี ซึ่งเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น และเซ็นเซอร์ใต้กันชนที่จับได้เร็ว รวมถึงปรับช่วงล่างใหม่เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนเข้ามาในห้องโดยสาร

ส่วนที่มีเฉพาะ 2.0 SP กับ 2.2 XDL คือ ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่งและออกตัวใหม่

และที่มีเฉพาะในรุ่น 2.2 XDL คือ กันชนหน้า และกันชนหลังใหม่ ด้านล่างสีเดียวกับตัวรถ ขอบซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถ คิ้วขอบประตูสีเดียวกับตัวรถ ท่อไอเสียขนาดใหญ่ เบาะหนัง Nappa สี Deep Red ระบบขับขี่แบบ Off Road พร้อมสวิตช์ Mi-Drive

วันนี้ผมพาไปลองขับรุ่นท็อป ดีเซล หนึ่งเดียว ขับเคลื่อน 4 ล้อหนึ่งเดียว เป็นเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบแปรผันมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5

• กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที
• เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
• อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 15.9 กม./ลิตร (ตามอีโค สติกเกอร์) 

พูดถึงเรื่องอัตราสิ้นเปลืองก่อนเลยละกันครับ จากการใช้งานมีทั้งเส้นทางในเมือง ออกต่างจังหวัด การใช้เมืองแบบชีวิตประจำวัน หนาแน่นบ้าง โล่งบ้าง ขับข้าบ้าง อัดคันเร่งแรง ๆ บ้าง และทำความเร็วได้บนทางด่วน แต่ไม่เกิน 120 กม./ชม. ระดับ 14-15 กม./ ลิตรนี่ได้อยู่นะครับ

แต่รวมทั้งหมด 328 กม. ขับขี่หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการใช้ความเร็วค่อนข้างสูงเส้นทางต่างจังหวัด รวมถึงจังหวะจอดนิ่ง ๆ บ้างบางช่วง ได้ 13.4 กม./ลิตร ก็ถือว่าโอเคอยู่ครับ 

การตอบสนองของดีเซลตัวนี้เด่นทีเดียวครับ การออกตัวทันอกทันใจ และที่เด่นคือ อัตราเร่งที่มาได้เร็ว แรงกระชากมีให้รู้สึกได้ การไล่ความเร็วก็ทำได้ทันใจ

และเสียงค่อนข้างเงียบครับสำหรับดีเซลตัวนี้ รวมถึงเสียงอื่น ๆ ที่เข้ามาให้ห้องโดยสารน้อย

เรื่องของช่วงล่าง โดยปกติก็เป็นจุดเด่นของมาสด้าอยู่แล้ว เป็นรถที่เหมาะกับคนรักการขับ เดินทางไกลไม่เหนื่อย นิ่ง เข้าออกโค้งแบบไว้ใจได้ แม่น และเกาะ แม้จะเป็นรถในรูปแบบเอสยูวี ที่มีความสูงก็ตาม ไม่โยกไม่โยนให้มึนหัว

พูดก็พูดเถอะ ผมไม่ได้ขับ ซีเอ็กซ์-5 มานานพอควร และหลัง ๆ ก็ได้ขับรถมากหน้าหลายตา แต่เมื่อมาเจอกันอีกครั้งมันเหมือนกับมาเจอเพื่อนเก่าที่รู้ใจที่ไม่เจอกันนาน

เรื่องราคา เรื่องลูกเล่น ออปชั่นด้านไอที ดิจิทัล ต่าง ๆ เสียเปรียบอยู่แล้ว เสียเปรียบมากเสียด้วย ด้วยความมีอายุในตลาดนาน แต่ก็พยายามปรับเท่าที่ทำได้ 

แต่ถ้าใครที่เลือกรถโดยมองที่หัวใจสำคัญคือ การเป็นพาหนะเดินทาง ผมว่าก็ต้องคิดถึงอารมณ์ขับขี่ของมาสด้าบ้างหละ

และช่วงล่างที่ระบุปรับใหม่ ผมว่าก็เห็นผลเป็นรูปธรรมนะ เพราะรู้สึกว่ามันดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น ความกระด้างลดลง แต่ที่ดีคือไม่เสียอารมณ์สปอร์ตไป 

และพูดถึงเรื่องของลูกเล่นหรือการเลือก การควบคุมระบบต่าง ๆ ในรถ เมื่อกลับมาเจอกับปุ่มคอมมานด์ที่คอนโซลเกียร์อีกครั้ง ผมว่ามันก็ใช้งานสะดวกกว่าการกดการสัมผัสหน้าจอนะ เพราะหมุนๆ โยกๆ กด ๆ ได้โดยไม่ต้องก้มลงไปมอง ขณะที่ตาก็เหลือบมองจอ โดยไม่ต้องเพ่งมาก เหมือนกับการต้องใช้นิ้วไปสัมผัสจอโดยตรง 

โดยรวมก็ถือว่ามาสด้าปรับตัวกับรถตัวเดิมไม่น้อย เพิ่มออปชั่นเข้าไปหลายอย่าง และราคาที่ถูกลง แลกกับการเป็นรถที่อยู่ในตลาดมานาน

แต่หากเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการขับขี่ ทั้งความสนุก ความสบายใจ มาสด้า CX-5 ก็เป็นตัวเลือกต้น ๆ ครับ