'เอ็มจี IM6' อัดออปชั่นแน่น โหมตลาด EV ลุ้นราคา 18 มีนาคม

เอ็มจี ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ผลักดันตลาดรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ให้ขยายตัวเป็นตลาดแมส (mass) จากการเปิดตัว แซดเอส อีวี ในปี 2562 ซึ่งส่งผลให้ตลาดอีวีที่เคยมีขนาดหลักร้อยต้น ๆ กระโดดขึ้นหลักพันคัน และจากนั้นอีวีก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีผู้เล่นเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ยกเว้นปี 2567 ที่ผ่านมา ที่ตลาดหดตัวประมาณ 8% มียอดจดทะเบียนประมาณ 7 หมื่นคัน จากที่ทำได้ 7.6 หมื่นคันในปี 2566

ทั้งนี้ เอ็มจี หลังจากเปิดตลาด แซดเอส อีวี ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นในยุคนั้น จากนั้นก็เสริมตลาดต่อเนื่อง มีอีวีที่หลากหลายในตลาด ไม่ว่าจะเป็น อีพี พลัส, อีเอส, เอ็มจี 4, ไซเบอร์สเตอร์, แม็กซัส 7 และ แม็กซัส 9

และเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่อีก 2 รุ่น เร็ว ๆ นี้  เริ่มจาก “เอ็มจี ไอเอ็ม 6” (MG IM6) วันที่ 18 มีนาคม ​และตามด้วย เอ็มจี เอส 5 อีวี (S5 EV) วันที่ 25 มีนาคม

เอ็มจี ไอเอ็ม 6 ถือเป็นโครงการพิเศษที่พัฒนาขึ้นโดย SAIC Motor Corporation บริษัทแม่ของเอ็มจี กับ จางเจียง ไฮเทค (Zhangjiang Hi-Tech) และ อาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) ซึ่งทำให้มันเป็นรถที่มีเทคโนโลยีอัดแน่นอยู่ในคัน

และที่จีน IM ที่ย่อมจาก Intelligent in Motion มีสถานะเป็นหนึ่งแบรนด์ในกลุ่ม เช่น เดียวกับ เอ็มจี และแม็กซัส แต่วางให้เป็นพรีเมียมแบรนด์ โดยรุ่นนี้ ชื่อเต็ม ๆ ที่จีน คือ ไอเอ็ม แอลเอส 6

แต่การเข้ามาทำตลาดในไทย เอ็มจีเลือกที่จะใช้แบรนด์ เอ็มจี ซึ่งก็น่าจะเป็นการง่ายต่อการสื่อสาร การสร้างการรับรู้ในตลาด 

แต่ตัวรถยังคงใช้โลโก้ไอเอ็มอยู่ ซึ่งมีเหตุผลบางอย่าง รวมถึงทางเทคนิค เช่น ที่ฝาท้าย ส่วนหนึ่งของโลโก้ เป็นปุ่มเปิดฝาท้ายนั่นเอง

สำหรับประเทศไทย ถือเป็นตลาดแรกที่เปิดตัวรุ่นพวงมาลัยขวา ก่อนที่จะขยายตลาดไปยังที่อื่นต่อไป 

เอ็มจีวางแผนเปิดตัว 2 ทางเลือกคือรุ่น 

• Premium 2 WD 
• Performance AWD 

การออกแบบ ไอเอ็ม 6 เป็นผลงานร่วมกันระหว่างนักออกแบบ SAIC กับ University of Art London เน้นให้รถดูมีความพลิ้วไหว ใช้ความโค้งมน ลดเหลี่ยมสัน 

ไฟหน้าแบบ L Shape พร้อมระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ ไฟท้ายพาดยาว แบบ Skyline Taillights ไฟขับขี่เวลากลางวัน ไฟตัดหมอก ซึ่งต่างจากที่จำหน่ายในจีนที่เป็นช่องลมไม่มีไฟตัดหมอก ไฟเบรกดวงที่ 3 แอลอีดี กระจกมองข้าง ปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว

ที่จับเปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ หรือ Hidden Door Handle

ไอเอ็ม 6 เป็นรถเอสยูวี ท้ายลาด สไตล์คูเป้ มีความยาวตัวถัง 4,904 มม. กว้าง 1,988 มม. สูง 1,669 มม. ระยะฐานล้อ 2,950 มม. มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระ ด้านหน้า 32 ลิตร ด้านท้าย 596 ลิตร หากพับเบาะหลังเพิ่มเป็น 1,751 ลิตร และช่องเก็บเพิ่มเติมด้านท้ายอีก 69 ลิตร

กระจกแบบอะคูสติกทุกบานเพื่อลดเสียงรบกวนภายนอก กระจกหน้าต่างแบบไร้กรอบ คู่หลังเป็นแบบ ไพรเวซี่ กลาส หลังคากระจกพาโนรามิก

ภายในใช้วัสดุ ซอฟท์ทัชหลายจุด ติดตั้งที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สายกำลังสูงสุด 50 วัตต์

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง 

ทั้ง 2 รุ่น ออปชั่นหลัก ๆ มีเหมือนกัน ที่น่าสนใจคือ ระบบล้อหลังช่วยเลี้ยว 6 องศา ที่มีให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้ง 2 รุ่น และหากราคาของรุ่นเริ่มต้นที่คาดกันว่าน่าจะอยู่ระดับ 1.3-1.4 ล้านบาท ทำให้มันเป็นรถที่มีระบบล้อหลังช่วยเลี้ยวในระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย 

ระบบนี้ทำให้มีความคล่องตัวในการใช้งานในเมือง หรือที่แคบ ๆ เพราะรัศมีวงเลี้ยวเหลือ 5.09 เมตร จากล้อหลังที่เลี้ยวไปคนละทางกับล้อหน้า และจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนเมื่อขับขีีที่ความเร็วสูง จากการที่ล้อหลังเลี้ยวไปทางเดียวกับล้อหน้า

นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยจอด ทั้งจอดขนาน จอดเสียง และจอดเข้าซอง ที่ใช้งานง่ายด้วยระบบควบคุมที่ซับซ้อน รวมถึงระบบจดจำเส้นทาง 100 เมตร ทำให้รถสามารถถอยออกมาจากพื้นที่แคบ ๆ ที่ผู้ขับอาจไม่สะดวกถอยออกด้วยตัวเอง หรือระบบแสดงผลในที่มืดและฝนตก ที่ทำงานผ่านข้อมูลจากกล้องรอบคัน

ลูกเล่นอีกอย่างที่ยังไม่เห็นมีในรถคันไหนคือ IM MAG HUB เป็นอุปกรณ์เสริมแม่แหล็กภายในตัวรถ สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โคมไฟ กระจกแต่งหน้า ไฟอ่านหนังสือเป็นต้น โดยติดตั้งมาให้ 5 ตำแหน่ง ที่บริเวณคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสาร หลังเบาะคู่หน้า ฝาท้ายด้านใน และที่พื้นห้องเก็บสัมภาระ เมื่อไม่ให้ของที่วางเลื่อนไหลไปตามแรงเหวี่ยงของรถ 

ส่วนที่แตกต่างกันชัดเจนของรุ่นเริ่มต้นและรุ่นท็อป คือ ประเภทและขนาดความจุแบตเตอรี, มอเตอร์ 1 ตัว สำหรับตัวเริ่มต้น ขับเคลื่อนล้อหลัง กับมอเตอร์ 2 ตัวในรุ่นขับเคลื่อน  4 ล้อ ขนาดล้อและยาง 20 นิ้ว กับ 21 นิ้ว และช่วงล่างที่รุ่นท็อปเป็นแบบถุงลม ซึ่งทำให้ปรับระดับได้ ทั้งการปรับอัตโนมัติตามความเร็วที่ขับขี่ และการเลือกปรับด้วยตัวเอง เช่น เมื่อต้องการลดความสูงด้านท้ายลง ก็ทำได้ 5 ซม. เพื่อความสะดวกในการขนของ ขึ้น-ลง เป็นต้น 

สำหรับแบตเตอรีที่แตกต่างกัน 

• รุ่นเริ่มต้นแบตเตอรี LFP ขนาดความจุ 75 kWh เทคโนโลยีแรงดัน 400 โวลต์
• รุ่นท็อปแบตเตอรี NMC 100 kWh มาพร้อมแรงดันไฟฟ้า 875 โวลต์

การจัดการแบตเตอรี มาพร้อมระบบ Cooling system เจเนอเรชั่นใหม่ สามารถระบายความร้อนได้ 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลา 30 วินาที 

มอเตอร์ ในรุ่นเริ่มต้นขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 295 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.9 วินาที

รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์ 2 ตัว ช่วยกันรีดพลังออกมาได้ 787 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 802 นิวตันเมตร  อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.48 วินาที แ ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.

ส่วนออปชั่นที่เด่นอื่น ๆ เช่น เบาะนั่ง POPO Sofa ทรงขนมปัง เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ผู้โดยสาร 6 ทิศทาง หน้าจอ 2 จอ ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 26.3 นิ้ว และจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว ลำโพง 20 จุด รองรับระบบเสียง 7.1.4 และลำโพงที่หลังคา 4 จุด

กระจกมองหลังพร้อมระบบ Streaming Media Rearview Mirror ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกโซน พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมระบบเซ็นเซอร์เปิด-ปิด อัติโนมัติ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ ช่องเชื่อต่อ ยูเอสบี ไทป์ ซี 2 จุด ระบเชื่อมต่อแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ไร้สาย 

ด้านความปลอดภัย มี ADAS ซึ่งมีหลายระบบ รวมถึง ระบบเตือนการชน ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากจุดอับสายตาที่ทำงานประสานกันทั้งระบบช่วยเเตือน มุมอับสายตา ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง และระบบช่วยเตือนการเปิดประตู 

จุดยึดเบาะนั่งเด็ก เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถึงลม กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า และหลัง และการ์ด NFC

เบรกมือไฟฟ้า ระบบป้องกันการไหลโดยไม่ต้องเหยียบเบรก เบรกเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและระบบควบคุมการลื่นไถล 

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบไฟแจ้งเตือนเมื่อเบรกฉุกเฉิน ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ด้วยกล้องจับใบหน้าที่เสา A 

ขณะที่แบตเตอรี 12 โวลต์ เอ็มจีก็ยังให้แบบ ลิเธียม ไอออน มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนระบบจ่ายกระแสไฟให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกหรือ V2L สูงสุด 6.6 กิโลวัตต์

โหมดการขับขี่มีให้เลือก 5 โหมด คือ Eco, Comfort, Sport, Custom และ Super Eco ที่จะดึงไฟสำรองจากแบตเตอรีมาให้งานได้อีก 80 กม.

เอ็มจี จะเปิดตัว ไอเอ็ม 6 พร้อมตัวเลือก 5 สี คือ ชมพู ขาว ดำ เทา และน้ำเงิน