เมอร์เซเดส-เบนซ์ เสริม AMG รวดเดียว 3 รุ่น งานมอเตอร์โชว์
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจปีนี้ ต่อยอดกลยุทธ์ Retail of The Future เปิดแพคเกจ กระตุ้น EV เสริมตลาดรถสมรรถนะสูง AMG พร้อมเพิ่มแพคเกจบริการหลังการขาย สู้เศรษฐกิจฉุดตลาดรถ
ปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ไทยติดลบค่อนข้างรุนแรง 26.2% ด้วยยอดขายประมาณ 5.72 แสนคัน จากหลาย ๆ ปัญหา และเกิดกับทุก ๆ ตลาด รวมถึงกลุ่มพรีเมียม
ในตลาดนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ มียอดจดทะเบียน 9,189 คัน ลดลง 30% จากปีก่อนหน้า ซึ่งประเด็นนี้มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายว่ามาจากหลาย ๆ เหตุผล เช่น
ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักในช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์ของไฟแนนซ์บางส่วน และเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือ ตลาดในกลุ่มเริ่มต้น (entry) ที่สูญเสียไป แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะทำได้ดีในกลุ่ม Top End Vehicle
ก่อนหน้านี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ เคยพูดชัดเจนว่าจะต้องปรับแนวทางใหม่ เน้นความยั่งยืนของตลาด แบรนด์ กลุ่มลูกค้า แม้จะต้องเสียยอดไปบ้างในกลุ่มเริ่มต้นก็ตาม
ซึ่งปัจจุบันหากมองไปที่กลุ่มเริ่มต้น จะเห็นว่ามีการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งจากแบรนด์พรีเมียมด้วยกัน และปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังมีอีกส่วนหนึ่งคือ อีวี จากจีน
อีกทั้งหากมองในมุมด้านการเงิน กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่การเข้าถึงสินเชื่อยากที่สุด หากเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ และปัจจุบันเป็นที่รู้กันดีว่า สถาบันการเงินเข้มงวดอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในกลุ่มอื่น ๆ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก กับการทำงานใกล้ชิดกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ ผู้ให้บริการสินเชื่อกับลูกค้า ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 50% ของสินเชื่อทั้งหมด
มาร์ทิน กล่าวว่า ตลาดที่หดตัวไป หากต้องการกู้คืน สิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด คือ การใช้กลยุทธ์ราคา แต่นั่นไม่ใช่แนวทางของบริษัทที่ต้องการรักษาแบรนด์และความรู้สึกของลูกค้า ซึ่งนั่นเป็นแนวทางสำคัญในการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน
สำหรับปี 2567 ที่ผ่านมา มีรถหลายรุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เช่น อี-คลาส ใหม่ ที่พบว่ายอดขายเติบโตถึง 65% จากปี 2566 ขณะที่รุ่นใหม่ รหัสใหม่ อย่าง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ซีแอลอี 53 มีสัดส่วนการขายในตระกูลรถสมรรถนะสูง เอเอ็มจี ถึง 30%
ทั้งนี้เอเอ็มจี เป็นอีกตลาดสำคัญ และปีนี้บริษัทจะเพิ่มผลิตภัณฑ์อีกอย่างน้อย 3 รุ่น โดยเตรียมเปิดตัวในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ที่จะเริ่มต้นขึ้นช่วงปลายเดือน มี.ค.
ส่วนการดำเนินธุรกิจปีนี้ในด้านอื่น ๆ บริษัทเน้นการทำตลาดลักชัวรีรีเทลเต็มรูปแบบ รวมถึงเดินหน้า Retail of The Future ต่อเนื่อง หลังจากที่ดำเนินการมา 1 ปี และพบว่ากลยุทธ์ราคาเดียวนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ไม่เฉพาะด้านการตลาด แต่รวมถึงความรู้สึกที่มีต่อแบรนด์
และหลังจากใช้กลยุทธ์นี้ 6 เดือน ได้สำรวจลูกค้า 300 รายพบว่าลูกค้ารับรู้นโยบายราคาเดียว 91% และเห็นว่าเป็นเรื่องดีต่อการเป็นลูกค้า 74% และไม่เห็นด้วยแค่ 9% เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีแผนผลักดันตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ อีวี (EV) ซึ่งปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำตลาดหลายรุ่น และเป็นพรีเมียมแบรนด์เดียวที่ประกอบอีวีในประเทศ
และเพื่อเป็นการทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงอีวีได้ง่าย และลด pain point ทั้งเรื่องของราคา และความสะดวกในการใช้งาน เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงเปิดโปรแกรม “EV Worry-Free Package” ระยะการใช้งาน 5 ปี โดยมีค่างวดเริ่มต้น 45,000 บาท/เดือน ในรุ่น EQE 350 4MATIC SUV Electric Art โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ก้อนแรกและก้อนสุดท้าย
และหากรวมประกันภัย 3 ปี และงานเซอร์วิส จะเพิ่มเป็นประมาณ 52,000 บาท/เดือน ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง EQS จะเริ่มต้นประมาณ 72,000 บาท
นอกจากนี้ยังมี 3 แนวทางสำคัญที่จะดำเนินการอย่างเข้มข้นในปีนี้ โดยเน้นที่ลูกค้าเป็นหลัก คือ
กิจกรรมที่จัดร่วมกับคอมมูนิตี้อย่างเป็นทางการอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ คลับ ประเทศไทย (Mercedes-Benz Club)
เริ่มต้นด้วยการรวมรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ คลาสสิก ในตำนานไว้มากกว่า 10 คัน มาขับขี่กันใน Road Trip ก่อนที่จะมีกิจกรรมอื่น ๆ ต่อเนื่อง
กิจกรรมทดสอบรถยนต์ประจำปีหรือ Mercedes-Benz Driving Events และ SUV Driving Events รวม 18 ครั้ง ทั้งการขับขี่ในบนถนนและบนสนามแข่ง (On Road/On Track)
“MercedesTrophy” รายการการแข่งขันกอล์ฟที่หายไป 5 ปีจะกลับมาอีกครั้ง โดยเป็นรายการการแข่งขันกอล์ฟ ที่มีผู้ร่วมแข่งขันมากกว่า 1,000 คน จาก 7 รอบการแข่งขัน
นอกจากนี้ก็จะเพิ่มความเข้มข้นในด้านการบริการหลังการขายในปีนี้ด้วยเช่นกัน
พุทธิ ตุลยธัญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการฝ่ายบริการลูกค้า กล่าวว่า จุดเด่นอย่างหนึ่งของธุรกิจเมอร์เซเดส-เบนซ์ คือ การให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย โดยปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีเครือข่าย 41 แห่ง มากที่สุดในตลาดพรีเมียม และมีศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง (Certified Body & Paint Service Center) 26 แห่ง
โดยการดำเนินการปีที่ผ่านมายอดขายแพ็กเกจ MBSP (Merceded-Benz Service Package) เพิ่มขึ้น 12% พร้อมเปิดตัวแพ็กเกจ MBSP Extra Guarantee Lite รองรับลูกค้าเก่าอายุ 5 ปีขึ้นไป
ขณะที่ผลิตภัณฑ์จาก MBTires มียอดขายเพิ่มขึ้น 84% และบริการ Digital Extras บนแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Store มียอดขายเพิ่มขึ้น 86%
“เรายังจัดแคมเปญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Welcome Back Stars สำหรับการคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพเดิมของ High Voltage Battery จนรถอายุ 10 ปี และการร่วมมือกับแบรนด์มิชลิน ในแคมเปญ Mercedes-Benz & Michelin Sustainability in Motion”
รวมถึงมีแผนเปิดตัว Service Select Loyalty Program สำหรับลูกค้าเก่า
มาร์ตินกล่าวถึงทิศทางตลาดรถยนต์ในปีนี้ มีโอกาสที่จะทรงตัวสูง เพราะยังไม่เห็นสัญญาณที่เด่นชัดว่าจะมีอะไรเข้ามากระตุ้น ภาวะเศรษฐกิจของโลก รวมถึงไทยที่ประเมินว่าจะเติบโต 2-3% ซึ่งถือว่าต่ำมาก
