'เกีย คาร์นิวัล' รถครอบครัว เอาใจพ่อบ้านสายสปอร์ต

ช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้น่าจะถูกอกถูกใจหลายคน โดยเฉพาะเรื่องของสภาพอากาศที่เป็นใจให้กับการเดินทางท่องเที่ยวมาก แม้ว่าวันหยุดราชการจะดูไม่เอื้อนัก เพราะมีวันที่ 30 ธันวาคม มาคั่นกลางเสาร์-อาทิตย์กับวันหยุด 1-2 มกราคม แต่หลาย ๆ คน หรือหลายองค์กร ก็บริหารจัดการเรื่องของเเวลาได้ไม่ยาก

แต่ถ้าเรื่องของการจราจรในหลาย ๆ พื้นที่ท่องเที่ยว คงจะต้องบอกว่าตัวใครตัวมัน

และเมื่อต้องอยู่กับรถนาน ๆ หรือนานมาก หลายคนก็อาจจะได้รับคำตอบถึงสิ่งที่อยากได้จากรถ

และเมื่อพูดถึงรถที่รองรับการเดินทาง ท่องเที่ยว หรือครอบครัว ปัจจุบันโดยโครงสร้างของรถมีให้เลือกมากมาย และหลากหลายพลังงานให้เลือก จะดีเซล เบนซิน ไฮบริด หรือรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนว่าจะชอบแบบไหน และเอาอะไรเป็นตัวตั้งในการพิจารณา เช่น ออปชั่น ความสะดวกสบายในการเดินทาง ความสะดวกสบายในการใช้งาน ราคา หรือ ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

ซึ่งแน่นอน คงไม่น่าจะมีคันไหนที่ตอบสนองได้ทุกอย่าง 100% ก็ต้องบวกลบคูณหาร หาจุดที่ลงตัวที่สุด 

แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของความสะดวกสบาย รองรับผู้โดยสาร และเรื่องของอารมณ์ในการขับขี่ ผมว่ารถอย่าง "เกีย คาร์นิวัล" (KIA Carnival) เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว

ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในตลาดมาพักใหญ่ และพวกลูกเล่นด้านดิจิทัลจะน้อยกว่า หรือว่าจุดเชื่อมต่อยูเอสบี ที่ยังเป็นไทป์ เอ 6 ตำแหน่ง แต่เรื่องอื่น ๆ ผมว่า คาร์นิวัลไม่แพ้ใคร

คาร์นิวัล มีความยาว 5,155 มม. กว้าง 1,995 มม. สูง 1,740 มม. (ไม่รวมแร็คหลังคา) ความสูงใต้ท้องรถ 172 มม. ไม่สูงนัก และมีผลทำให้รถที่ยาวและใหญ่คันนี้ ดูเพรียวมากขึ้น รูปทรงโดยรวมของรถดูสปอร์ตมากขึ้น

แต่แม้จะเป็นรถที่มีขนาดตัวถังค่อนข้างใหญ่ แต่เอาเข้าจริงเมื่อใช้งาน ก็ไม่ยากอะไร ไม่ว่าจะเป็นการขับขึ้น-ลง ลานจอดรถที่ออฟฟิศ เข้าอาหารจอดรถห้างสรรพสินค้า หรือว่าเข้าซอยเล็ก ๆ

ขณะที่การขับขี่บนท้องถนนในเมือง แรงบิดของเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ระดับ 440 นิวตันเมตร จัดการได้สบาย ๆ จังหวะการเปลี่ยนความเร็ว การเปลี่ยนช่องทางไปมาทำได้กระฉับกระเฉง 

และเมื่อต้องเดินทางไกล จุดเด่นของ เกีย คาร์นิวัล ที่ผมชอบ คือ ช่วงล่างที่เซ็ทมาดีเลยทีเดียว ทำให้รถคันใหญ่ และมีผู้โดยสารหลายคน รถมีความนิ่ง และคล่องแคล่ว คมใช้ได้เลยเมื่อผ่านทางโค้ง หรือจังหวะต้องเปลี่ยนเลนไปมาที่ความเร็วค่อนข้างสูง 

แน่นอนการขับขี่ เรารับรู้ได้ถึงน้ำหนักของรถและน้ำหนักบรรทุกเมื่อผ่านทางโค้ง แต่การที่รถมีการยึดเกาะของล้อหน้าที่แม่นยำ ทำให้ถ่ายทอดอารมณ์มายังผู้ขับให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถผ่านไปไม่ยาก ขณะที่พวงมาลัยมีน้ำหนักดี มีแรงขืนให้รู้สึกได้ ให้อารมณ์ในการขับขี่ที่ดี

ส่วนรูปแบบการขับขี่ เกีย คาร์นิวัล มีโหมดขับขี่ให้เลือกทั้ง Eco, Normal, Sport และ Smart ซึ่งเป็นโหมดที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสไตล์การขับของแต่ละคนแต่ละวัน และมีแพดเดิล ชิฟท์ ให้เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเอง 

ด้านอัตราสิ้นเปลือง การขับทั้งในเมือง นอกเมือง ออกต่างจังหวัด รวมแล้วกว่า 500 กม. ผมได้ตัวเลขเกือบ ๆ 13 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าโอเคครับ

ส่วนการจะจอด จะถอย สำหรับรถคันใหญ่ ทำได้ไม่ยากด้วยทัศนวิสัยที่ค่อนข้องชัดเจน และยังมีเซ็นเซอร์ รวมถึงกล้องรอบคันหรือ surround view monitor เอาไว้คอยช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วย 

โดยรวมถือว่าเป็นรถที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้สะดวก หลากหลาย ผู้โดยสารนั่งสบาย และผู้ขับได้อารมณ์สปอร์ต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชอบขับรถ ที่จะรู้สึกสนุก และรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ควบคุมรถคันนี้ มากกว่าจะรู้สึกว่าเป็นเหมือนกับคนขับรถที่พาคนอื่น ๆ ไปส่ง หรือไปเที่ยว แม้จะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันก็ตาม

ในด้านของห้องโดยสาร เบาะต่าง ๆ ถือเป็นจุดขายสำคัญของคาร์นิวัล โดยเบาะคู่หน้าทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า นั่งได้สบาย ใหญ่ นุ่ม และกระชับลำตัวได้ดี มีระบบระบายอากาศ และระบบอุ่นเบาะ ส่วนตำแหน่งควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำได้ถนัดมือ

จุดขายหลักอีกอย่างพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังที่กว้าง และโปร่งโล่ง เสริมด้วยซันรูฟ 2 โซน คือด้านหน้า และด้านหลัง ไม่ได้เชื่อมต่อเป็นแผ่นเดียวกัน ควบคุมด้วยไฟฟ้า

ตัวเบาะนั่งแถวที่ 2 ของรุ่นที่ผมลอง คือ SXL Luxury รถ 7 ที่นั่ง (รุ่นอื่น 11 ที่นั่ง) ถือเป็นพระเอกของการโดยสาร เพระเป็นที่นั่งแบบกัปตันซีท 2 ที่นั่ง มีพื้นที่ว่างตรงกลางเพิ่มความเป็นส่วนตัว และยังเอื้อประโยชน์ต่อผู้นั่งแถว 3 ที่สามารถเดินผ่านเข้า-ออกได้เลย

เบาะแถว 2 ปรับด้วยไฟฟ้า มีที่รองขาซึ่งปรับด้วยไฟฟ้าเช่นกัน มีระบบระบายอากาศ และสามารถปรับเอนนอนในองศาที่รู้สึกสบายตัว ที่เกียเรียกว่า Relaxation Mode ซึ่งสามารถเลือกได้ด้วยปุ่ม One Touch 

และยังสามารถเลื่อนหน้า-หลังได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างด้านหน้าหรือจะเอนนอน

โดยก่อนอื่นต้องใช้คันควบคุมด้วยมือด้านข้าง ดันเบาะให้เลื่อนเข้าด้านในก่อนเล็กน้อย เพื่อเลี่ยงซุ้มล้อหลัง จากนั้นจึงปรับเลื่อนไปด้านหลัง

ส่วนเบาะนั่งแถว 3 รองรับการนั่ง 3 คน ก็นั่งได้จริงครับ แต่ถ้านั่ง 2 คน จะยิ่งสบายมากขึ้น โดยเบาะซ้าย-ขวา มีความกว้างพอควร และออกแบบให้โอบกระชับ 

ทั้ง 3 ตำแหน่ง มีพนักพิงศีรษะ ที่สามารถปรับขึ้นเพื่อใช้งานและปรับหากไม่มีผู้โดยสารด้านหลัง เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้กับผู้ขับขี่ และก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ เช่นที่วางแก้ว ที่วางของ ช่องเชื่อมต่อ ยูเอสบี 

นอกจากนี้สำหรับผู้โดยสารทั้งแถว 2 และแถว 3 เกีย คาร์นิวัล มีม่านบังแดดที่กระจกด้านข้างติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาให้ด้วย

ขณะที่การขึ้น-ลง ของผู้โดยสารด้านหลัง มีความคล่องตัวจากประตูด้านหลังที่เป็นแบบบานเลื่อน ปิด-เปิดด้วยไฟฟ้า สามารถควบคุมได้จากบริเวณที่นั่งแถว 2 เอง หรือจากผู้ขับขี่ หรือ ควบคุมจากรีโมท และยังทำงานรวมกับสมาร์ทคีย์ เมื่อมีกุญแจอยู่กับตัวแล้วยืนในระยะใกล้ ประตูก็จะเปิดให้เอง 

มีบันไดข้างช่วยให้การขึ้น-ลงง่ายขึ้น พร้อมไฟส่องสว่างช่วยให้มองเห็นได้ดีขึ้นในยามค่ำคืน 

ผมชอบการออกแบบพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่เป็นหลุมลึกลงไป ช่วยเพิ่มพื้นที่มากขึ้น แต่การออกแบบเช่นนี้มีประโยชน์มากกว่านั้น คือเมื่อต้องการเพิ่มพื้นที่บรรทุกหรือบรรทุกของขนาดใหญ่สามารถพับเบาะนั่งแถวที่ 3 ได้ และพับได้แบบราบ ทำให้การขนของขึ้น-ลง หรือจัดวางทำได้ง่าย

การพับได้เรียบก็เพราะว่าเมื่อพับแล้วตัวเบาะนั่งแถว 3 ถูกซ่อนลงไปในหลุมด้านหลังนั่นเองส่วนวิธีการการพับเก็บหรือยกขึ้นมาใช้งาน การควบคุมแบบแมนนวล แต่เกียออกแบบมาได้ดีควบคุมได้ง่ายจากคันบังคับที่อยู่หลังเบาะแถว 3 อันเดียว สามารถใช้มือเดียวก็จัดการได้สบาย 

ส่วนฝาท้าย ควบคุมการเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า ดังนั้นจึงไม่มีปัญหากับฝาท้ายขนาดใหญ่นี้ และทำงานร่วมกับ สมาร์ทคีย์ เปิดได้เองเมื่อยืนอยู่ใกล้ ๆ และปิดได้เอง เมื่อเดินห่างจากตัวรถ 

สำหรับออปชั่นเด่น ๆ ที่มีมาให้ เช่น ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือ เช่น ระบบตรวจจับวัตถุด้านหน้าด้วยกล้อง และเรดาร์ พร้อมระบบช่วยเตือน และช่วยเบรก ระบบเตือนและล็อคประตูบานเลื่อนเมื่อมีวัตถุเคลื่อนไหวใกล้เข้ามา 

ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนช่องทางพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ทำงานถึงรถจอดสนิท ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง 

เรดาร์ด้านหลังตรวจจับมุมอับสายตา ระบบแสดงความเคลื่อนไหวจากมุมอับสายตาเมื่อเปิดไฟเลี้ยว โดยจะแสดงขึ้นมาที่จอแสดงข้อมูลการขับขี่ เซ็นเซอร์หน้า-หลัง 

โดยจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว จออินโฟเทนเมนต์ ขนาด 12.3 นิ้ว 

ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย กำลังไฟ 15 w ระบบเครื่องเสียง BOSE  ติดตั้งลำโพง 12 ตำแหน่ง 

ระบบเชื่อมต่อ บลูทูธ มัลติ-คอนเนคชั่น สามารถเชื่อมต่อได้ 2 เครื่องพร้อมกัน 1 เครื่องสำหรับการใช้งานโทรศัพท์ อีกเครื่องเปิดฟังเพลงให้เพลิดเพลิน 

เกียร์ เป็นแบบแป้นหมุน หรือ Dial Type - Shift by Wire