อีโค ซิสเทม ดัน “อีวี” เอ็มจี ขยายน่านน้ำ รับตลาดแข่งดุ

อีโค ซิสเทม ดัน “อีวี”  เอ็มจี ขยายน่านน้ำ รับตลาดแข่งดุ

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงมีปัจจัยลบที่ฉุดการเติบโต ทั้งเรื่องของสมรรถนะ ความสามารถในการใช้งาน ราคา และที่สำคัญคือความสะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะจุดชาร์จไฟ โดยเรื่องนี้มุมมองของ เอ็มจี เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีความน่าสนใจ

ขณะเดียวกัน การแข่งขันก็รุนแรงมากขึ้น จากการมีผู้เล่นเช้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความท้าทายของบรรดาผู้ประกอบการในการสร้างตลาดที่มีทั้งอุปสรรค และ โอกาส

เอ็มจี ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกตลาด อีวี ยุคเติบโต จากการเป็นค่ายแรกที่เริ่มต้นทำตลาดรถในตลาดแมส (mass) รุ่นแรกในไทย คือ ZS EV เมื่อปี 2562 ซึ่งมีผลให้ตลาดรวมอีวีเติบโตแบบก้าวกระโดดมาเป็นหลักพันคันต่อปี

จากนั้น เอ็มจี ก็เพิ่มสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความหลากหลาย เพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้า

พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อีวี เป็นตลาดที่เติบโต จึงได้รับความสนใจจากผู้ทำตลาดจำนวนมาก แต่การเติบโตของตลาดที่ยังมีจำกัด และบางช่วงเวลาก็เติบโตแบบชะลอตัว ทำให้การแข่งขันรุนแรง

ดังนั้นหากทุกคนเลือกแข่งในพื้นที่เดียวกัน ก็จะยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ทางเลือกที่ดีคือ การสร้างตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง

เช่น การเปิดตัวรถรุ่นล่าสุด MG Maxus 9 ที่วางให้เป็นรถลักชัวรี่ e-MPV ซึ่งตั้งแต่เปิดรับจองในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด โดยตัวเลขเมื่อสิ้นสุดเดือน เม.ย. มียอดจองกว่า 1,500 คัน

ส่วนการส่งมอบ อีวี ทุกรุ่นถึงมือลูกค้ามีมากกว่า 1 หมื่นคัน

โดยปัจจุบัน เอ็มจี มีอีวีให้เลือกถึง 5 รุ่น ที่มีบุคลิกแตกต่างกันไป ได้แก่ MG ZS EV, MG EP, NEW MG4 ELECTRIC MG ES และ MG MAXUS 9

ที่สำคัญ หลายรุ่นตั้งราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาท จึงกลายเป็นแบรนด์ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เข้าถึง อีวี ได้ง่ายอย่างเช่น MG ZS EV อีวีรุ่นแรกของ เอ็มจี ที่มีคอนเซ็ปต์ TRULY EASY ออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน สะดวกสบาย มีสมรรถนะการขับขี่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยเพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งด้วยความเป็นรถเอสยูวี จึงใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ มีราคาเริ่มต้น 949,000 บาท

อีโค ซิสเทม ดัน “อีวี”  เอ็มจี ขยายน่านน้ำ รับตลาดแข่งดุ

MG EP รถสเตชันวากอนรุ่นแรกของ เอ็มจี มีจุดขายที่ความคุ้มค่า และลดภาระในเรื่องของการบำรุงรักษาด้วยค่าบำรุงรักษาตามระยะทางตลอด 5 ปี หรือ 1 แสนกม.​ มักจะถูกเลือกให้เป็นรถรับจ้างสาธารณะ รถองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย 771,000 บาท

MG4 ELECTRIC จับตลาดผู้ที่ชื่นชอบการขับรถ ชอบอารมณ์สปอร์ต กับระบบขับเคลื่อนล้อหลัง การกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และเอ็มจี ยังชูจุดเด่นคือ แพลตฟอร์มใหม่ NEBULA PURE ELECTRIC ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับ อีวี โดยเฉพาะ และมีราคาเริ่มต้น 869,000 บาท

MG ES รถสเตชันวากอนรุ่นที่ 2 แต่ตลาดไม่ทับซ้อน กับ EP แต่ยังคงความโดดเด่นคือ พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ฟังก์ชันการใช้งานที่ให้ความสะดวกสบาย ตามคอนเซ็ปต์ “COMFORTABLE” ราคา 959,000 บาท

และ MG MAXUS 9 ที่ เอ็มจี ถือเป็นรายแรก ที่เปิดน่านน้ำใหม่ด้วยรถไฟฟ้าแบบ 7 ที่นั่ง โดบเบาะแถวที่สองแบบ Captain Seat ปรับด้วยไฟฟ้า 12 ทิศทาง ควบคุมและสั่งการผ่านหน้าจอทัชสกรีน ที่พิงศีรษะปรับด้วยไฟฟ้า ที่พักน่องปรับเอนได้อัตโนมัติ มีระบบบันทึก ระบบนวด และสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามความต้องการ พร้อมโต๊ะที่สามารถพับเก็บได้ ราคาเริ่มต้น 2.499 ล้านบาท

ขณะเรื่องของเครือข่ายสถานีชาร์จ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดอีวี เอ็มจี ขยายตัว เพราะการวางโครงข่ายทั่วประเทศทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะสามารถเชื่อมโยงการเดินทางได้สะดวก

อีโค ซิสเทม ดัน “อีวี”  เอ็มจี ขยายน่านน้ำ รับตลาดแข่งดุ

โดยปัจจุบันสถานี MG SUPER CHARGE เปิดให้บริการ 140 แห่ง ทั่วประเทศ ถือเป็นแบรนด์ผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าที่เอาจริงเอาจังในด้านสถานีชาร์จมากที่สุด โดยยังคงเดินหน้าสร้าง EV ECOSYSTEM ให้แข็งแกร่งเพื่อให้เกิดสังคมยานยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ และยั่งยืน และที่สำคัญก็คือ เอ็มจี มีแผนที่จะขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่องในอนาคต

“ปัญหาการรอ การแย่งที่ชาร์จ เป็นปัจจัยลบให้คนที่อยากได้ อีวี ชะลอการซื้อ ดังนั้นหากแก้ปัญหาในจุดนี้ได้ สร้างอีวี อีโค ซิสเทมได้ ก็จะช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจ และตลาดขยายตัวในอนาคต”