เปิดศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อ ยกระดับไทยเป็น 'ฮับEV' ภูมิภาค

เปิดศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อ ยกระดับไทยเป็น 'ฮับEV' ภูมิภาค

"ความปลอดภัย" เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคตัดสินใจใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ศูนย์ทดสอบยานยนต์และแบตเตอรี่ไฟฟ้าจึงเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อให้มีการทดสอบมาตรฐานภายในประเทศและหนุนให้ไทยก้าวสู่การเป็นฮับผลิตอีวีของภูมิภาค

Key Points

  • ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อ (ATTRIC) คาดว่าจะสร้างเสร็จทั้งหมดภายในปี 2569 
  • จะเป็นศูนย์กลางการทดสอบ ที่มีขนาดใหญ่ No.1 ในอาเซียน และอันดับที่ 11 ของโลก
  • การทดสอบที่ได้มาตรฐานสากล จะสร้างความมั่นใจนักลงทุนต่างชาติในการใช้ไทยเป็นฮับ EV และผลิตยางล้อรถยนต์

ขณะที่ในมุมมองผู้ผลิตรถอีวีการจะเข้ามาลงทุนในไทยต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน ความสมบูรณ์ของซัพพลายเชน ทักษะฝีมือแรงงาน ชิ้นส่วนอะไหล่ ราคาชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศเทียบกับราคานำเข้า รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ

ทั้งนี้ ไทยมีการประกาศเป้าหมายที่ชัดเจนในการมุ่งเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และตั้งเป้าในการรักษาฐานการเป็นฮับผู้ผลิตของภูมิภาค โดยโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) เป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2559 อนุมัติให้กระทรวงอุตสาหกรรมโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ

ศูนย์ทดสอบฯ บนพื้นที่ 1,235 ไร่ ณ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยการลงทุนของภาครัฐทั้งหมด ภายใต้กรอบวงเงิน 3,705.7 ล้านบาท

ปัจจุบัน ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 55% โดยใช้เงินงบประมาณไปแล้ว 2,038 ล้านบาท คงเหลือการดำเนินงานอีก 45% ในวงเงินงบประมาณ 1,667.69 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569

สำหรับงบประมาณที่ได้รับอนุมัติมาในปี 2566 อีก 1,667.69 ล้านบาทนั้น จะใช้สำหรับการก่อสร้าง ได้แก่

1. สนามทดสอบสมรรถนะและความเร็ว และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117  

2. สถานีสำหรับเตรียมสภาพรถ (Work Shop) 

3. ทางวิ่ง (Run-In) ส่วนต่อขยายจากสนามทดสอบยางล้อเพื่อการทดสอบมาตรฐาน UN R117

4. LAB ทดสอบการชน 

รวมทั้งจัดซื้อชุดเครื่องมือทดสอบ 3 รายการ ได้แก่ ชุดเครื่องมือทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง  ชุดเครื่องมือทดสอบอุปกรณ์เลี้ยวสำหรับยานยนต์ และชุดเครื่องมือทดสอบการป้องกันผู้โดยสารเมื่อเกิดการชนด้านหน้าและด้านข้าง

ทั้งนี้ ตามแผนที่วางไว้ศูนย์ทดสอบแห่งนี้จะกลายเป็นฮับการทดสอบมาตรฐานอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับที่ 11 ของโลก คาดว่าศูนย์ทดสอบฯ จะมีรายได้ไม่น้อยกว่าปีละ 968 ล้านบาท รวมทั้งช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดค่าใช้จ่าย และลดระยะเวลาในการส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบที่ต่างประเทศ ประมาณ 30% - 50% และสร้างเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 148 ล้านบาทต่อปี

โดยตั้งแต่ที่ศูนย์ทดสอบเปิดให้บริการสนามทดสอบยางล้อ สนามทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2562 เป็นต้นมา มีผู้ประกอบการเข้ามาใช้บริการสนามทดสอบยางล้อแล้วจำนวน 136 ราย และได้รับใบอนุญาตมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์และยางล้อไปแล้วรวมทั้งสิ้น  985 ฉบับ

โดยในเดือนเม.ย. 2566 จะทยอยเปิดให้บริการเพิ่มอีก 2 สนาม ได้แก่ สนามทดสอบระบบเบรก และสนามทดสอบระบบเบรกมือ ส่วนสนามทดสอบพลวัต (Dynamic Platform Track) และสนามทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง (Skid Pad Track) พร้อมเปิดให้บริการทดสอบได้ในกลางปี 2567

นอกจากนี้ ภายในโครงการยังมี "ศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า" เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในเดือน มี.ค.2565 โดยมีบริการทดสอบแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมทั้งสมรรถนะและความปลอดภัย

สำหรับการทดสอบแบตเตอรี่มีความอันตราย ศูนย์ทดสอบแห่งนี้จึงออกแบบห้องปฏิบัติการที่ทนทานต่อการระเบิดของแบตเตอรี่และปกป้องตัวอาคาร ใช้สำหรับการทดสอบความปลอดภัยของแบตเตอรี่ตามมาตรฐาน UNECE R100 สำหรับยานยนต์ และ UNECE R136 สำหรับรถจักรยานยนต์ เพื่อการวิจัยและพัฒนาในการปรับปรุงสมรรถนะของแบตเตอรี่ ในระดับ Cell, Module และ System โดยมีแผนขยายขอบข่ายให้บริการต่อไปในอนาคต

ส่วนการให้บริการทดสอบแบตเตอรี่รวม 9 รายการทดสอบ ตามมาตรฐานสากล UNECE R100 ได้แก่ 

1.ชุดทดสอบความแข็งแกร่งของโครงสร้างชุดแบตเตอรี่ (Mechanical integrity Test) 

2.ชุดทดสอบการลัดวงจร (External short circuit protection) 3.ชุดทดสอบระบบป้องกันการชาร์จเกิน (Overcharge protection) 

4.ชุดทดสอบระบบดิสชาร์จเกิน (Over-discharge protection) 5.ชุดทดสอบการป้องกันอุณหภูมิเกิน (Over-temperature protection Test) 

6.ชุดทดสอบการกระแทก (Mechanical shock) 7.ชุดทดสอบการสั่นสะเทือน (Vibration) 8.ชุดทดสอบการทนอุณหภูมิ (Thermal shock) 9.ชุดทดสอบการทนไฟ (Fire resistance)