ลองขับ Mercedes-AMG SL43 จัดจ้าน ซุกซน คืนความหนุ่ม เติมความพรีเมียม

รถในตระกูล SL มีประวัติมายาวนาน มีผู้หลงใหลจำนวนมาก และสำหรับตัวล่าสุดที่เผยโฉมในเมืองไทย "Mercedes-AMG SL43" ราคาเริ่มต้น 11.7 ล้านบาท นั่นหมายความว่าลูกค้ายังสามารถที่จะจ่ายเพิ่มได้อีก กับแพคเกจออปชั่นที่เลือกเป็นเศษ ทั้งแบบแบบสปอร์ตและไดนามิก หรือจะเลือกแบบหรูหราก็ได้

เช่น สีเคลือบที่มีให้เลือก 12 สี หลังคาผ้าใบให้เลือก 3 สี ดีไซน์ล้อแบบใหม่ แพคเกจตกแต่งภายนอก หรือว่าวัสดุหุ้มเบาะ MANUFAKTUR มีให้เลือก 2 แบบ เป็นต้น

ในด้านบุคลิก SL โฉมปัจจุบัน ดูจะเปลี่ยนอารมณ์ไปจากเดิมพอควร มันกลับมาเป็นรถที่มีอารมณ์ของตัวเอง มีดื้อบ้างอะไรบ้าง ก็อยู่ที่คนขับว่าจะจัดการได้แค่ไหน ถ้าจัดการได้ดีพอ สิ่งที่จะได้มาคือ ความสนุก ความเร้าใจ

พูดง่ายๆ ก็คือ มันเป็นรถที่ไม่ได้ออกแบบมาให้ขับเพลินๆ กินลมชมวิวไปเรื่อย แต่เสริมอารมณ์สปอร์ตเข้าไป ดึงอารมณ์วัยรุ่นกลับคืนมา ทั้งเรื่องของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง หรือว่าการถ่ายทอดอารมณ์ของเกียร์ ขณะที่การออกแบบโดยรวมมีความพรีเมียมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน 

Mercedes-AMG SL 43 เป็นโรดสเตอร์แบบ 2+2 ที่นั่ง ตัวรถมีความยาว 4,705 มม. กว้าง 1,915 มม.​ สูง 1,359 มม. ความยาวฐานล้อ 2,700 มม. น้ำหนักรถ 1,810  กก. ถังน้ำมันมีความจุ 70 ลิตร

ล้อ AMG 5 ก้านคู่ ขนาด 21 นิ้ว มือจับเปิดประตูฝังจมไประนาบเดียวกับตัวถังเพื่อความสวยงาม และไม่เกะกะ และแค่ผู้ถือกุญแจยื่นมือเข้าไปใกล้ๆ โดยไม่จำเป็นต้องแตะโดน มือจับก็จะยื่นออกมาให้จับแต่โดยดี 

หลังคาผ้า เปิด-ปิด ควบคุมด้วยไฟฟ้า และสำหรับการขับขี่แบบเปิดหลังคารับลมชมวิว หากอากาศหนาวเย็น วิศวกรออกแบบตัวช่วยมาให้ นอกจากระบบอุ่นเบาะที่ทำงานได้รวดเร็วแล้ว ที่บริเวณพนักพิงศีรษะยังออกแบบให้มีลมอุ่นๆ เป่าออกมาช่วยอีกทางหนึ่งด้วย

และเกี่ยวเนื่องกับการเปิด-ปิด หลังคา จอมอนิเตอร์ตรงกลางที่ออกแบบให้มีอิสระ ติดตั้งแยกจากส่วนอื่น ทำให้มันสามารถปรับองศาได้อัตโนมัติ

โดยถ้าหากว่าเราเปิดหลังคารถ ตัวจอจะเพิ่มความชันมากขึ้น ทั้งนี้พื่อลดแสงสะท้อนจากท้องฟ้าที่ไม่มีหลังคารถมาบังให้ ซึ่งจะทำให้การดูข้อมูลต่างๆ ไม่ชัดเจนหากยังอยู่ในตำแหน่งเดิม จึงปรับให้ชันขึ้นเล็กน้อย 

และเมื่อปิดหลังคา จอก็จะเอนไปข้างหน้า ลดความชัน ไปอยู่ตำแหน่งเดิม เพิ่มองศามุมมองของผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารได้ดีขึ้น 

 

พูดถึงการเปิดหลังคา แน่นอนมีเสียงภายนอกเข้ามามากขึ้นอยู่แล้ว แต่โดยรวมแล้วการสื่อสารพูดคุยกันในรถก็ยังทำได้ดี เป็นการพูดคุยกันปกติ ไม่ต้องตะเบ็งเสียงแข่งแต่อย่างใด 

Mercedes-AMG SL 43 มาพร้อมฟังก์ชัน MBUX รุ่นล่าสุด พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง และออปชั่นเพื่อความสะดวกสบาย สามารถตั้งโปรไฟล์ส่วนตัว มีฟังก์ชันการพยากรณ์ และฮอตสปอต Wifi ระบบจดจำรายนิ้วมือ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาตั้งแค่ใหม่ 

ระบบความบันเทิง  การเชื่อมต่อ รวมถึง ระบบเสียง Burmester ที่ให้คุณภาพเสียงดี

เอาใจคนยุคนี้ด้วยช่อง USB-C 4 ช่อง มีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมฟังก็ชั่นเตือนด้วยเสียงว่าอย่าลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วย เมื่อดับเครื่องยนต์ และเปิดประตูรถ และยังมีช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ในห้องเก็บสัมภาระด้านหลังอีกด้วย

SL43 มาพร้อมกับไฟหน้าเทคโนโลยี Digital Light ที่โดดเด่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ติดตั้งในรถหลายๆ รุ่น เพราะให้ทั้งความสว่าง ระยะแสงตกกระทบที่ไกลทำให้มองเห็นเส้นทางล่วงหน้าได้ไกลเมื่อขับขี่กลางคืน ช่วยให้สภาพแวดล้อม และประเมินสถานการณ์ได้เร็ว 

นอกจากนี้ยังไม่รวบกวนผู้อื่น จากความสามารถในการเลือกตำแหน่งของแสด และเลี่ยงตำแหน่งของแสงไฟที่แม่นยำ รวดเร็ว เช่น การหลีกเลี่ยงส่องไปยังรถคันอื่น จักรยานยนต์ คนเดินถนน แต่รอบๆ สิ่งเหล่านั้นสว่างจ้าเลยทีเดียว เพราะใช้หลักการทำงานเหมือนกับการวาดภาพขึ้นมาในระบบ เช่น เจอคนก็วาดรูปคนขึ้นมา จากนั้นก็ตัดแสงที่จะส่องไปที่ตัวคน

รวมถึงระบบการปรับทิศทางของลำแสงตามการเลี้ยวของรถ ทำให้เห็นเส้นทางในทางโค้งได้ไกลขึ้น 

สำหรับภายในห้องโดยสาร การออกแบบเบาะนั่งให้อารมณ์สปอร์ตชัดเจน เบาะกระชับลำตัว กระชับแบบกระชับจริง แนบสนิท ซึ่งช่วยได้มาก เพื่อขับบนภูเขาหรือขับขี่ในทางโค้ง ที่ต้องเลี้ยวไปมาลัดเลาะไปตามโค้งบ่อยครั้ง รวมถึงถนนทั่วไปที่ต้องเปลี่ยนช่องทางไปมา โดยเฉพาะการเปลี่ยนด้วยความเร็ว

ทั้งนี้เพราะตัวผู้ขับจะไม่ลื่นไถลไปมา ตำแหน่งเท้าที่แป้นควบคุม ตำแหน่งมือที่จับพวงมาลัย และตำแหน่งศีรษะไม่ย้ายไปไหนมาก สายตาจึงยังมองเส้นทางได้ดี และสมาธิในการขับขี่ก็ไม่เสียไป 

ขณะที่การเป็นโรดสเตอร์ ตัวถังเตี้ยๆ และออกแบบตำแหน่งเบาะนั่งที่กดลงไปให้ต่ำที่สุด เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วงเพิ่มความคล่องตัวให้รถ แต่ว่าในด้านทัศนวิสัยถือว่าทำได้ดี มุมมองด้านหน้า ด้านข้างเห็นชัดเจน มุมมองผ่านกระจกข้างหรือกระจกมองหลัง อาจดูเแคบๆ ตามสไตล์รถสปอร์ต แต่ไม่มีปัญหาหรือทำให้ติดขัดในการใช้งานแต่อย่างใด

ในด้านสมรรถนะของ AMG ยังคงเหนียวแน่นกับแนวทาง one man one engine เครื่องยนต์ประกอบมือด้วยคนคนเดียว อยากรู้ว่าเป็นฝีมือใครก็เปิดฝากระโปรงดูเพลทที่สลักชื่อคนประกอบเอาไว้

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบไฟฟ้า 48 โวลต์

• กำลังสูงสุด 381 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ที่ 3,250-5,000 รอบ/นาที
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.9 วินาที
• ความเร็วสูงสุด 275 กม./ชม.

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ไปขับเคลื่อนล้อหลัง 

มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้ง Slippery, Comfort, Sport, Sport+, Individual และ Race การเลือกโหมดก็ทำได้ง่ายจะกดที่หน้าจอก็ได้ แต่สำหรับขับขี่ใช้ปุ่มพิเศษที่พวงมาลัยจะสะดวกที่สุด ปุ่มด้านซ้ายใช้หมุนเพื่อเลือกโหมด ขณะที่ปุ่มด้านขวา สามารถเลือกปรับเฉพาะส่วนได้ เช่น ต้องการช่วงล่างแบบไหน หรือ พวงมาลัยแบบไหน 

แม้จะเป็นรหัส 43 ไม่ใช่ 55 หรือ 63 (ซึ่งใครต้องการก็สามารถสั่งได้) แต่ก็จัดเป็นรถที่มีความจัดจ้าน ขับขี่ได้สนุก ทั้งเรื่องของความแรงหรืออารมณ์ของรถ 

อย่างที่บอกไป มันดึงเอาอารมณ์วัยรุ่นกลับมา ทั้งเรื่องของช่วงล่างที่มีความกระด้างให้รู้สึกได้ ถูกใจคนชอบอารมณ์สปอร์ต แบบดิบๆ เล็กน้อย กับจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่ได้เนียนเรียบอย่างกับเกียร์ ซีวีที แต่มีจังหวะเปลี่ยนให้ผู้ขับรู้สึกได้อย่างตั้งใจ คล้ายกับการขับเกียร์ธรรมดา ที่ถอนคลัทช์แบบเร็วๆ เพื่อกระชากรถไปข้างหน้า ที่เฉพาะช่วงเริ่มต้นขับขี่ และความเร็วไม่สูงนัก

แรงบิดของเครื่องยนต์ตัวนี้เรียกมาได้อย่างต่อเนื่อง การเพิ่มความเร็วทำได้รวดเร็ว เผลอแวบเดียวขึ้นไปสูงมาก จนต้องผ่อนๆ น้ำหนักเท้าลงบ้าง

เอาเป็นว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ตัวนี้ ตอบสนองกับเรื่องนี้ในน่าพอใจ ทั้งอัตราเร่ง และความเร็ว แต่ถ้าอยากได้เร้าใจยิ่งขึ้นไป ก็รอรหัสที่แรงกว่านี้

การควบคุมรถ Mercedes-AMG SL43 ออกแนวหน้าผู้ใหญ่ หลังวัยรุ่น แต่อยู่ด้วยกันได้ เพราะการเดินตามผู้ใหญ่ทำให้ไม่ออกนอกลู่นอกทาง

พูดง่ายๆ คือ เป็นรถที่เซ็ทมาให้มีอาการท้ายดิ้นอยู่บ้าง เมื่อขับขี่ในทางโค้งในระดับความเร็วพอควร แต่ไม่ควรพูดออกสื่อ 

ท้ายรถที่ดิ้นๆ แต่หน้ารถมีความแม่นยำ สุขุม เป็นผู้ใหญ่ เกาะกับโค้งได้ดี ดังนั้นผู้ขับใช้ทักษะส่วนตัวเพิ่มสักเล็กน้อยในการใช้พวงมาลัยเพื่อดึงท้ายรถกลับมาแค่นั้นเอง ก็จะทำให้ควบคุมรถได้ไม่ยาก แปรเปลี่ยนความซุกซนของด้านหลังให้เป็นความสนุก เติมความกระปรี้กระเปร่าได้ยิ่งขึ้น น่าจะเป็นอารมณ์ที่ถูกใจหลายคนที่ชอบรถอารมณ์แบบนี้ 

ซึ่งเส้นทางที่ผมลองขับจากเชียงรายไปเชียงใหม่ ยืนยันถึงอารมณ์ของรถได้ดี

นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยจากสปอยเลอร์หลังที่ซ่อนตัวได้สนิทกับตัวถัง จะยกขึ้นมาเองเมื่อความเร็วขึ้นไปถึงระดับ 80 กม./ชม. เพื่อเพิ่มแรงกดด้านทัายให้มากขึ้น ช่วยให้รถยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น 

ขณะที่การขับขี่บนเส้นทางทั่วไป รถมีความนิ่ง แม้ว่าจะใช้ความเร็วค่อนข้างสูง พวงมาลัยแม่นยำ มีน้ำหนักกำลังดีดี

ขณะที่จังหวะการกระชากความเร็ว หรือ ช่วงที่ต้องใช้เบรกหนักๆ รถยังรักษาระดับตัวรถได้ดี อาการหน้ายกเมื่อเติมคันเรง หรือหน้ายุบท้ายยก เมื่อเบรกหนักๆ แทบไม่มีให้รู้สึก 

ส่วนเรื่องของเสียงภายนอก มีเข้ามาบ้างจากการที่เป็นรถแบบหลังคาผ้าใบ แต่ก็ไม่ถึงกับสร้างปัญหาอะไร ขณะเดียวกันหลายคนอาจจะชอบที่ได้ฟังเสียงยนต์ทุ้มๆ นุ่มๆ จากปลายท่อไอเสียแบบ 4 ท่อ เติมอารมณ์ให้ตัวเองก็เป็นไปได้เช่นกันครับ