MG4 ยานยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่

เอ็มจี เป็นหนึ่งในผู้ที่พัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจัง เห็นได้จากการประสบความสำเร็จของรถรุ่นต่างๆ ที่ทำตลาด ด้วยจุดเด่นที่ลูกค้าให้การยอมรับ ทั้งสมรรถนะของตัวรถ ความสะดวกสบาย เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เสนอราคาที่จับต้องได้ รวมไปถึงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเร่งขยายเครือข่ายสถานี MG Super Charge ให้เพียงพอต่อการใช้งานจริง เพื่อลบจุดอ่อน หรือ pain point ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกไป

แม้ปัจจุบัน ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็มีทิศทางการเติบโตที่น่าสนใจ และหลายๆ ประเทศก็เติบโตได้รวดเร็ว รวมถึงประเทศไทยที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดชัดเจน และปฏิเสธไม่ได้ว่า เอ็มจี เป็นผู้บุกเบิกตลาดนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างการยอมรับในวงกว้าง อย่างรวดเร็ว และยังคงครองความเป็นผู้นำตลาดในวันนี้ และการพัฒนาในแต่ละครั้ง เอ็มจีจะมองไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้การตอบรับของลูกค้าขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ บวกกับผลิตภัณฑ์รุ่นต่างๆ ที่ถูกใจผู้บริโภค ทำให้กระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของเอ็มจีกระจายไปทั่วโลก

ล่าสุด เอ็มจี ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า อีกครั้งด้วยการเปิดตัว Global EV รุ่นล่าสุด "MG4" เกิดกระแสนิยมไปทั่วโลก ส่วนหนึ่งมาจากความโดดเด่นด้วยหน้าตาของ MG4 เอง แล้วยังมาจากเทคโนโลยีที่พัฒนาเพื่อรถ EV โดยเฉพาะมาตรฐาน และคุณภาพที่สั่งสมมาจากรถรุ่นก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจใน MG4 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารูปแบบตัวถัง Hatchback ดีไซน์ภายนอกดูสปอร์ตหรูเกินกว่าที่จะเป็นรถไฟฟ้า เส้นสายการออกแบบตัวถังดูแข็งแกร่ง ผนวกกับการเลือกใช้สีดำตัดกับสีรถทำให้ดูดุดันมากขึ้น

ขณะที่ ภายในห้องโดยสารเน้นออกแบบให้เรียบง่ายอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยไม่ผิดคอนเซ็ปต์ของ MG แน่นอนการควบคุม และสั่งการทำงานผ่านทางหน้าจอเป็นหลักตามแบบฉบับของรถสมัยใหม่ โดยหน้าจอกลางเป็นแบบทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว ขณะที่เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่เอ็มจีมุ่งเน้นมาโดยตลอด และเข้มข้นยิ่งขึ้น ใน MG4 ยังคงมีเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปมาเต็ม 26 ระบบ มีระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ หรือ ADAS มาให้ด้วย และแน่นอนระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เทคโนโลยีเอกลักษณ์ของ MG ที่สร้างการจดจำให้กับแบรนด์ MG ก็ยังคงมีเช่นกัน มายาวนาน

เติมเต็มเรื่องความอเนกประสงค์ด้วยการติดตั้งฟังก์ชัน V2L หรือระบบการจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากรถยนต์ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้ามาให้ เพิ่มความสะดวกในการใช้งานของเจ้าของรถ หรือช่วยแก้สถานการณ์ในยามคับขัน ที่ไม่สามารถใช้ไฟฟ้าจากแหล่งปกติได้

MG4 ถูกเรียกว่าเป็น ยานยนต์ไฟฟ้า "ยุคใหม่" ด้วยเทคโนโลยีหลายอย่างที่ฉีกจาก อีวี ที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน หนึ่งในเทคโนโลยีใหม่แกะกล่องของ MG ก็คือ "NEBULA TECHNOLOGY" แพลตฟอร์มใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ

คุณสมบัติเด่นของ NEBULA TECHNOLOGY มีหลายด้าน รวมถึงการที่แพลตฟอร์มใหม่นี้ ออกแบบให้สามารถรองรับแบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ นั่นหมายถึงว่า NEBULA TECHNOLOGY สามารถใช้ได้กับ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หลากหลายเซ็กเมนต์ ตั้งแต่รถขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ และแพลตฟอร์มนี้จะถูกใช้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ของ MG ที่จะตามมาในอนาคตและการที่ NEBULA TECHNOLOGY เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะการออกแบบจึงเข้มข้นในเรื่องความปลอดภัยของแบตเตอรี่มากขึ้น แบตเตอรี่จะเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างรถยนต์ ขณะที่แบตเตอรี่ก็มีความปลอดภัยด้วยมาตรฐานสูงสุด IP69

แพลตฟอร์มใหม่นี้สามารถออกแบบตัวรถให้กระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ส่งผลให้รถมีความสมดุลที่ดี การควบคุมขับขี่ง่ายขึ้น ลดอาการโคลงขณะเข้าโค้ง เป็นการเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตที่มาพร้อมความปลอดภัย

นอกจากนี้ การออกแบบให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ฐานล้อกว้าง ก็ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนทั้งทางตรงและทางโค้ง ลดโอกาสการพลิกคว่ำหากเกิดอุบัติเหตุ

ขณะที่ช่วงล่างเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ ช่วยให้ล้อตั้งฉากกับพื้นมากขึ้น ทำให้มีพื้นที่สัมผัสกับพื้นถนนมากขึ้น ช่วยในการยึดเกาะถนนอีกแรง ระบบกันสั่นสะเทือนหลังเป็นแบบอิสระ 5 ลิงค์ ลดการสะเทือนจากล้อทั้ง 4 ผู้โดยสารสะดวกสบายมากขึ้น

อีกหนึ่งจุดเด่นของ MG4 คือ การใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งฉีกจาก รถยนต์ไฟฟ้า ในปัจจุบันที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้การตอบสนองได้ดั่งใจสั่ง เข้าโค้งได้มั่นใจมากขึ้น จากการลดภาระของล้อหน้าที่ทำหน้าที่แค่บังคับทิศทาง แม้ว่า MG4 จะเป็นรถที่จัดอยู่ในกลุ่ม C เซ็กเมนต์ แต่กลับเป็นรถที่มีความคล่องตัว กระฉับกระเฉงสูง ช่วยให้การขับขี่ง่ายยิ่งขึ้น ต้องยกนิ้วให้กับทีมออกแบบ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ MG4 จะกลายเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลกในวันนี้