เส้นทางออมเงินสู่วัยเกษียณ

เพียงแค่ เริ่มต้นดี เริ่มต้นเร็ว ท่านก็สามารถมี ชีวิตดี๊ดี หลังเกษียณได้ ไม่ยาก!
หลายคนคงใฝ่ฝันถึงชีวิตหลังเกษียณที่สุขสบาย หลังจากทำงานหนักมาครึ่งค่อนชีวิต แต่ในปัจจุบันมีน้อยคนนักที่จะมีชีวิตหลังเกษียณได้อย่างที่หวังไว้ เพราะคนส่วนใหญ่ขาดการวางแผนการเกษียณอายุที่ดีตั้งแต่แรก จากตารางอายุเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดของคนไทย แสดงให้เห็นว่าคนไทยฯว่า็นมีอายุยืนขึ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2563 จะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ประมาน 12 ล้านคน หรือร้อยละ 16.5 ของประชากรทั้งหมด (ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ในทางตรงข้ามกลับมีอัตราการเกิดลดลง ซึ่งทำให้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาพความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุที่ขาดคนดูแล หรือที่เรียกกันว่า “คนชรากำพร้า” ปัจจัยที่ทำให้เกิดสภาวะคนชรากำพร้า คือ การขาดความมั่นคงของรายได้ และ การขาดความใส่ใจในการออมเงินไว้สำหรับใช้หลังเกษียณ
เมื่อทราบแล้วว่า อนาคตคนเราอาจจะมีอายุมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้คนพึ่งพา หลายท่านคงตระหนักถึงความสำคัญของการออมเงินเพื่อวัยเกษียณแล้ว และคงอยากทราบว่า “ควรมีเงินออมเพื่อการเกษียณอย่างน้อยเท่าไหร่” ถึงจะพอใช้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งมีเพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ ให้ท่านได้เตรียมตัวเพื่อชีวิตหลังเกษียณอายุอย่างมั่นคง
3 ขั้นตอนง่ายๆในการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ
1.คำนวณเงินออมตอนเกษียณ ว่าท่านควรที่จะมีเท่าไหร่ ณ วันที่ต้องเกษียณ
ท่านสามารถคำนวณเงินออมตอนเกษียนได้อย่างง่ายๆ โดยเริ่มจากการประมาณค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ ซึ่งจะคิดเป็น 70% ของค่าใช้จ่าย
ปัจจุบัน x 12 เดือน เพื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อปี และจากนั้นก็คูณด้วยจำนวนปีที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ เพียงเท่านี้ท่านก็จะได้จำนวนเงินออออมที่ต้องมี ณ วันที่เกษียณ
2.คำนวณเงินออมเฉลี่ยต่อเดือน เพื่อให้มีพอใช้ยามเกษียณ
เมื่อท่านได้คำนวณเงินที่จะใช้จ่ายยามเกษียณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จำเป็นต้องมาดูว่าท่านจะต้องเก็บเงินต่อเดือนเท่าไหร่ ซึ่งมีวิธีง่ายๆ เพียงแค่เอาเงินเกษียณที่คำนวณได้จากข้อที่ 1 มาตั้ง แล้วหารด้วยจำนวนเดือนตั้งแต่วันนี้จนถึงเมื่อถึงเวลาที่เกษียณ
ยกตัวอย่างเช่น
ท่านตั้งเป้าไว้ว่าจะเกษียณตอนอายุ 60 ปี และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณอายุไปอีก 20 ปี = อายุ 80 ปี มีค่าใช้จ่ายปัจจุบันอยู่ที่ 25,000 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณของท่านจะเท่ากับ 17,500 บาทต่อเดือน (70% x 25,000) หรือ 210,000 บาทต่อปี จากนั้นก็คูณกับจำนวนปีที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุ หรือ 210,000 x 20 ปี ออกมาเป็น 4,200,000 บาท
จากตัวอย่างข้างต้น ท่านจะเห็นว่าเงินออมที่ท่านจำเป็นต้องออมต่อเดือนนั้น เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงทีเดียว ทั้งนี้ก็เพราะวิธีดังกล่าวเป็นการเก็บเงินเพียงอย่างเดียว หากท่านนำเงินที่เก็บแต่ละเดือนไปฝากธนาคาร ก็จะได้รับดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อยๆ สะสมเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการฝากเงิน หากต้องการให้เงินงอกเงยมากกว่านั้น ท่านต้องพิจารณานำเงินไปลงทุนด้วย เพราะจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากเงิน
3.เริ่มต้นลงทุน เพื่อชีวิตหลังเกษียณที่สุขสบาย
การเริ่มต้นการลงทุนในกองทุน RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะกองทุน RMF มีหลากหลายนโยบายและหลายระดับความเสี่ยงให้เลือกลงทุน ท่านควรพิจารณาลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายและความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตนเอง ประกอบกับการพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลังในอดีตว่ากองทุนมีผลการดำเนินงานที่สม่ำเสมอมากน้อยเพียงใด และให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย อาทิ ตราสารทุน ตราสารหนี้ พันธบัตร เป็นต้น และการกระจายการลงทุนไปในแต่ละภูมิภาค หรือแต่ละประเทศด้วย เพื่อลดความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศที่อาจขึ้นลงต่างกันด้วย เพราะไม่มีสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในทุกวัฏจักรเศรษฐกิจ การกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศผ่านกองทุน RMF ที่มีผลการดำเนินงานดีอย่างสม่ำเสมอเป็นการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ตัวอย่างกองทุน RMF ที่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเฮลธ์แคร์อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFHCARERMF) ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ กองทุน JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80.00 ของ NAV เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ขนาดใหญ่ทั่วโลกที่มีศักยภาพในการเติบโตมีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดี เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการที่หลายๆประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และวิวัฒนาการทางการแพทย์กำลังมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้กองทุนมีแนวโน้มที่จะมีผลประกอบการดีในระยะยาว
กองทุนเปิดกรุงศรียุโรปอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFEURORMF) ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ กองทุน Allianz Europe Equity Growth Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80.00 ของ NAV เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศยุโรปที่มีศักยภาพการเติบโตสูง และมีความโดดเด่นด้านอัตราการจ่ายปันผลที่สูง อีกทั้ง ได้รับประโยชน์จากการดำเนินนโยบาย QE โดยธนาคารกลางยุโรปพร้อมจะดำเนินนโยบาย QE ต่อไปอย่างน้อยจนถึงเดือนกันยายนปี 2559 และอาจพิจารณาขยายขนาดและระยะเวลาออกไป หากเห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
กองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนเพื่อการเลี้ยงชีพ(KFJAPANRMF)ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ กองทุน Eastspring Investments - Japan Dynamic Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80.00 ของ NAV เน้นลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่า ทำให้ยอดส่งออกและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และความสามารถในการทำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นสามารถสร้างผลตอบแทนได้เหนือกว่าตลาดอื่นๆ ตั้งแต่ปี 2013” (ข้อมูล Bloomberg, Eastspring Investments ณ 9 ต.ค. 2015)
การลงทุนในกองทุนรวม RMF นั้น เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ท่านบรรลุเป้าหมายเกษียณในระยะเวลาที่เร็วขึ้นจากการออมเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลที่สำคัญของกองทุน โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ผลการดำเนินงานของกองทุน และคู่มือภาษีให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในนอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงราคาและผลตอบแทนในอนาคต
กองทุน KFJAPANRMF ระดับความเสี่ยง 5: เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง
กองทุน KFHCARERMF กองทุนKFEURORMF ระดับความเสี่ยง 6: ความเสี่ยงสูง
กองทุนKFJAPANRMF กองทุน KFHCARERMF กองทุน KFEURORMF มีการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก กองทุนจึงมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและ/หรือการเมืองในประเทศซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน
กองทุนKFJAPANRMF กองทุน KFHCARERMF กองทุนKFEURORMF จะไม่ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงิน จึงอาจมีความเสี่ยงสูงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
สอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี โทร.02-657-5757 หรือติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา











