หลบภัยที่ไหนดี? ในวันที่ดอกเบี้ย (FED) ยังลงไม่สุด

หลบภัยที่ไหนดี? ในวันที่ดอกเบี้ย (FED) ยังลงไม่สุด

 

ไม่ทำให้เหล่ากูรูและนักวิเคราะห์ผิดหวัง เมื่อพี่ใหญ่อย่างธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ตัดสินใจ “ปรับลดอัตราดอกเบี้ย” ในการประชุมเมื่อสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยมติ 8 ต่อ เสียง ให้ “ปรับลด” อัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75นับเป็นการปรัลดครั้งที่ 3 ในปีนี้ ซึ่งเมื่อเฟดลดดอกเบี้ยปุ๊บ ตลาดก็ตอบรับปั๊บ เริ่มจากเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่า, อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปี ปรับลง(นั่นคือราคาตราสารหนี้ปรับขึ้น) และดัชนี S&P 500 ดีดขึ้นมาปิดบวกทำจุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง...

แล้วแนวโน้มต่อไปจะเป็นอย่างไร?

อาจไม่มีการลดดอกเบี้ยอีกแล้วในปีนี้ จากท่าทีที่เฟด เชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจมากขึ้น ดูจากการส่งสัญญาณ “ชะลอวงจรการปรับลดดอกเบี้ยลง” โดยถอดประโยคสำคัญที่พูดไว้จากการประชุมครั้งก่อนคือ "เฟดจะดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน" รวมทั้งระบุว่า “อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังอยู่ที่ระดับเหมาะสม” นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2562 (สหรัฐจะมีประมาณการ GDP ราว 2 ครั้ง ก่อนประกาศจริงในครั้งที่ 3) ว่าอยู่ที่ระดับ 1.9% ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของวิเคราะห์ที่ระดับ 1.6โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดนั้น (TMB มีมุมมองว่าแค่ระยะสั้น) ทำให้โอกาสที่เฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป (วันที่ 10 – 11 .ค. 62) สูงถึง 87.8% ขณะที่ความน่าจะเป็นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยมีเพียง 12.2% (ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 3 พ.ย.62)

อย่างไรก็ตาม เฟดได้เปิดช่องไว้ว่า หากเกิดสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้ต้องกลับมาประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอีกครั้งเฟดก็จะตอบสนองสถานการณ์นั้นๆ เป็นรายกรณี โดยไม่มีการกำหนดนโยบายเอาไว้ล่วงหน้า" ซึ่งตีความหมายโดยรวมคือเฟดพร้อมจะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง หากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯกลับมาหดตัว

มาถึงจุดนี้อาจสงสัยว่าวัฎจักรดอกเบี้ยขาลงของเฟดนั้น สิ้นสุดแล้วหรือไม่? และเราควรลงทุนอย่างไร?

TMB Advisory ตอบเลยว่า ยัง โดยมีมุมมองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมายังคงมีแนวโน้มชะลอตัวและอาจทำให้เฟดต้องกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งมีมุมมองว่า เฟดน่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ภายในไตรมาส 1 ของปีหน้า นอกจากนี้ยังมีมุมมองว่าภาพรวมของดอกเบี้ยทั่วโลกยังคงอยู่ในช่วงขาลง จากการที่ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก ยังคงมีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในสภาวะเช่นนี้ TMB Advisory แนะนำให้ลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีโอกาสสร้างกำไรได้มากขึ้น โดยให้น้ำหนักไปที่ตราสารหนี้มากกว่าหุ้น เนื่องจากมีมุมมองว่า เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเติบโต แม้จะอยู่ในระดับที่ชะลอตัวลง ทำให้เศรษฐกิจโลกจะยังไม่เข้าสู่ภาวะวิกฤตในระยะเวลาอันใกล้ (อย่างน้อยไม่น่าจะเกิดภายใน 1 ปีข้างหน้านี้) ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองต่างๆ ยังคงกดดันต่อตลาดการลงทุนอยู่เป็นระยะๆ ทำให้ภาพรวมต่อการลงทุนในหุ้นจะมีความผันผวนมากขึ้น ดังนั้นการให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้มากกว่าหุ้น น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยลดความผันผวนในสภาวะตลาดที่ไม่แน่นอนเช่นนี้

ตราสารทุน (หุ้น)

TMB Advisory แนะนำให้เน้นน้ำหนักการลงทุนในจีนเนื่องจากมีจุดแข็งคือ รัฐบาลจีนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ค่อนข้างยืดหยุ่นและทำได้ทันที รวมทั้งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่มูลค่าพื้นฐาน (PE) อยู่ที่ 11.เท่า ซึ่งถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ

ตราสารหนี้

นักลงทุนควรพิจารณาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนแบบยืดหยุ่น, เน้นลงทุนในสหรัฐฯ และมีดูเรชั่น หรือ อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ในพอร์ตอยู่ในระดับปานกลาง - ยาว โดยมีมุมมองว่าเฟดมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ภายในไตรมาส 1 ของปีหน้า ซึ่งอาจทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลงต่อ และราคาตราสารหนี้ปรับตัวขึ้น

ทองคำ

TMB Advisory แนะนำให้ลงทุนไม่เกิน 10% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่สภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนจากความกังวลต่างๆ

REITs

แนะนำให้ลงทุนไม่เกิน 15% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างโอกาสในการรับปันผลสูง โดยอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Yield) ของ REITs โดยเฉพาะในไทยและสิงค์โปร์อยู่ในระดับที่สูงประมาณ 4.93% และ 4.26% ตามลำดับ (ข้อมูลจาก Bloomberg ณ 31 ต.ค.62) ซึ่งเหมาะกับสภาวะที่นักลงทุนแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น โดยแลกกับการยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดตํ่า

แต่...หากไม่อยากยุ่งยากลงทุนหลายกองทุน ก็พอมีทางเลือกอื่นคือ ลงทุนผ่านกองทุนรวมผสมที่มีการลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์ หรือพิจารณาลงทุนแบบบริการจัดพอร์ตแบบครบวงจร เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าใกล้สู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น

โดยผู้ที่สนใจลงทุน หรือต้องการวางแผนจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุน สามารถขอคำปรึกษาจากTMB Advisory ได้ฟรีหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tmbbank.com/tmbadvisory หรือ โทร. TMB Investment Line 1558 กด #9