"ผู้สูงอายุไทยแก่ จน ป่วย ถูกทอดทิ้ง" แนะ 3 ประเด็นเตรียมเข้าสู่สังคมสูงวัย

"ผู้สูงอายุไทยแก่ จน ป่วย ถูกทอดทิ้ง" แนะ 3 ประเด็นเตรียมเข้าสู่สังคมสูงวัย

สภาพผู้สูงอายุไทยแก่ จน ป่วย และถูกทอดทิ้ง มส.ผส.เผย 3 เรื่องเร่งด่วนที่ภาครัฐเตรียมพร้อมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2565   ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ ชี้โควิด-19 ส่งผลสภาพเศรษฐกิจของผู้สูงอายุลดลง  

ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ ตามคำนิยามขององค์การสหประชาชาติเป็นที่เรียบร้อย เพราะประเทศไทยมีสัดส่วนผู้สูงอายุเกินร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด โดยในปี 2563 มีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากถึง ร้อยละ 17.57ของประชากรทั้งหมด  สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์เมื่อมีผู้สูงอายุ60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ในปี 2565

วันนี้ (30 พ.ย.2564) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) จัดงานนำเสนอผลการวิจัยและเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะเพื่อเตรียมรองรับการเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์เป้าหมาย ด้านสังคม แผนงานศักยภาพและโอกาสของผู้สูงอายุ

\"ผู้สูงอายุไทยแก่ จน ป่วย ถูกทอดทิ้ง\" แนะ 3 ประเด็นเตรียมเข้าสู่สังคมสูงวัย

นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย กล่าวว่า หากพิจารณาจากสัดส่วนของผู้สูงอายุในประเทศไทยซึ่งมีเกินร้อยละ 10  ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2548  ซึ่งตลอด 14 ปี และจะเข้าสู่ปีที่ 15 ในการก่อตั้งมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุ ได้ส่งเสริมงานวิจัยและขับเคลื่อนคุณภาพชีวิต พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตร องค์ความรู้ต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมผู้สูงอายุในทุกรูปแบบ ไม่ว่าการจะจัดองค์ความรู้ อบรมหลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยในการจัดทำต้นแบบชุดหลักสูตรความรู้ที่เหมาะสมในการจัดตั้งผู้สูงอายุ และดำเนินการจัดทำรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุ เป็นต้น

 

  • 3ประเด็นเร่งด่วน เตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมสูงวัย

นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า การเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมีนโยบาย แผน และแนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมผู้สูงอายุมากมาย แต่เมื่อดูในเชิงปฏิบัติ กลับพบว่า ไม่ได้มีการใช้สมาคม มูลนิธิ หรือกองทุนของผู้สูงอายุอย่างจริงจัง เป็นการดำเนินการที่หน่วยงานต่างๆ ต้องจัดการเอง ซึ่ง 3 เรื่องที่ต้องเร่งเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีดังนี้

1.ระบบสาธารณสุข มุ่งเน้นการรักษา ป้องกันโรคปัจจุบัน มากกว่าความถดถอยตามสภาพร่างกายของผู้สูงอายุและโรคเรื้อรังต่างๆ ในกลุ่มผู้สูงอายุ  

2.ระบบสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ ยังไม่มีการกำหนดสวัสดิการรองรับผู้สูงอายุอย่างดี ทั้งการขนส่ง สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ หรือเรื่องเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุก็ยังไม่ชัดเจน รวมถึงสิทธิบัตรทอง ระบบการรักษาพยาบาลต่างๆ

3.ระบบงบประมาณในการส่งเสริมพัฒนากลุ่มผู้สูงอายุ

\"ผู้สูงอายุไทยแก่ จน ป่วย ถูกทอดทิ้ง\" แนะ 3 ประเด็นเตรียมเข้าสู่สังคมสูงวัย

ก้าวต่อไปของ มส.ผส.จะดำเนินการพัฒนางานวิจัย ชุดข้อมูล และองค์ความรู้ต่างๆ รวมถึงสนับสนุนการมีส่วนร่วมในเชิงนโยบาย เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุดตามศักยภาพและโอกาสของผู้สูงอายุ ภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ

 พร้อมทั้งขับเคลื่อนข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการส่งเสริมระบบสุขภาพ ระบบการสร้างงาน  และด้านที่อยู่อาศัย ปัจจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อผู้สูงอายุ แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทำความเข้าใจแก่สังคมในการเตรียมพร้อมสังคมผู้สูงอายุ

 

  • โควิด-19 ส่งผลผู้สูงอายุรายได้ลดลง

ศ.ดร.วรเวศม์ สุวรรณระดา ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจของผู้สูงอายุ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเงิน รายได้ของผู้สูงอายุนั้น พบว่าก่อนโควิด-19 มีผู้สูงอายุร้อยละ 40 จะมีรายได้จากการทำงาน และร้อยละ 80 ได้รับเงินจากลูกหลาน ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีความพร้อม สำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2560 รายงานว่ากลุ่มผู้สูงอายุที่มีเงินออมเกิน 1 ล้านขึ้นไป  มีประมาณ ร้อยละ 14  ขณะเดียวกันกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินปีละ 30,000 บาท มีร้อยละ 4

“ถ้าพิจารณาตามสถิติสถานภาพชีวิตในด้านเศรษฐกิจของผู้สูงอายุไทย หากมองรวมๆ เหมือนมีชีวิตที่ดีแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ผู้สูงอายุไทย 100 คน มีผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจน 7 คน สะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมจริงๆ ของผู้สูงอายุมีปัญหาอยู่แล้ว  ยิ่งเกิดโควิด-19 ทำให้สถานภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจผู้สูงอายุประสบปัญหามากขึ้น กลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้จากการทำงาน และจากลูกหลานให้เงินใช้นั้น ลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งจากช่วงก่อนโควิด-19 ฉะนั้น บำเหน็จบำนาญ เบี้ยยังชีพมีความสำคัญอย่างมากในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะมีการเร่งวางระบบการช่วยเหลือ เตรียมพร้อมเงินบำเหน็จบำนาญ และเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุทุกคนได้อย่างเท่าเทียม สามารถอยู่ได้ไปตลอดชีวิต”ศ.ดร.วรเวศม์ กล่าว

\"ผู้สูงอายุไทยแก่ จน ป่วย ถูกทอดทิ้ง\" แนะ 3 ประเด็นเตรียมเข้าสู่สังคมสูงวัย

  • สูงวัยไทยแก่ จน ป่วย ถูกทอดทิ้ง

นพ.ประเวศ วะสี  ราษฎรอาวุโส กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ประเทศไทยต้องเดินแบบไหน ถึงจะใช้ชีวิตสูงวัยได้อย่างมีคุณภาพ ว่าสังคมปัจจุบันเท่ากับสังคมแบบ 99:1 คือ เป็นสังคมที่เหลื่อมล้ำสุดๆ การพัฒนาจะเป็นประโยชน์ต่อคนเพียงร้อยละ  1 ส่วนคนร้อยละ 99 ไม่ได้รับผลประโยชน์ ซึ่งสังคมไทยเป็นสังคมแบบตัวใครตัวมัน และเหลื่อมล้ำแบบสุดๆ  ส่วนสาเหตุที่เป็นอย่างนี้ เพราะเกิดจากการพัฒนาแบบแยกส่วน เศรษฐกิจ  ไม่ได้เอาชีวิตเป็นตัวตั้งแต่เอาจีดีพีเป็นตัวตั้ง ขณะที่การศึกษาไม่ได้เอาชีวิตเป็นตัวตั้ง แต่เอาวิชาเป็นตัวตั้ง การพัฒนาแบบนี้จะนำไปสู่การเสียสมดุลในทุกมิติ ทำให้ชีวิตถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กและคนพิการ

ผู้สูงอายุในไทย ตอนนี้จน แก่ ป่วย ถูกทอดทิ้งเปลี่ยวเหงา รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ และการเข้าถึงบริการต่างๆ ก็แพงสุดๆ ซึ่งเมื่อผู้สูงอายุรู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์จะกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งที่ผู้สูงอายุมีประโยชน์ มีประสบการณ์มากมาย อีกทั้งการเข้าถึงการรักษาพยาบาล มีแต่บริการไกลหรือแพงมาก  เรื่องเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไข ต้องทำให้ผู้สูงอายุเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่าย ดีและมีคุณภาพ มีบริการที่ฟรีแก่ผู้สูงอายุ”นพ.ประเวศ กล่าว

อย่างไรก็ตาม สัมประสิทธิ์คุณภาพชีวิตหรือพิจารณาคุณภาพชีวิตจากต้นทุนทั้งหมดสังคมเมืองในไทย  พบว่ามีประโยชน์ต่อคนเพียงร้อยละ 1 ของประชาชนทั้งหมดเท่านั้น เพราะต้นทุนทั้งหมดมีจำนวนมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตที่จะได้รับน้อยลง ขณะที่หน่วยงานทางสังคมที่มีสัมประสิทธิ์คุณภาพชีวิตสูงสุดคือ ต้องมีอัตลักษณ์และดุลยภาพของชีวิต  ฉะนั้น ต้องมีระบบการอยู่ร่วมกันอยู่สมดุลในชุมชน ทั้งชุมชนขนาดเล็กประชากร 500-1,000 คน ร่วมจัดการ มีประชาธิปไตยชุมชนพัฒนาอย่างบูรณาการ 8 มิติ เชื่อมโยงกับ เศรษฐกิจ จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สุขภาพ การศึกษา และประชาธิปไตย

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์