งาน “เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี”

งาน “เกษตรไทยก้าวหน้า  ภายใต้ร่มพระบารมี”

ชวนเที่ยว “สวนลุม” ชมสุดยอดนวัตกรรมเด่น “เกษตรกรรุ่นใหม่” ในงาน “เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี” ระหว่าง 16-20 สิงหาคมนี้

 

 

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาในรัชสมัยแห่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เราทุกคนต่างประจักษ์ถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอุทิศกำลังความคิด ทุ่มเทพระวรกายอย่างที่ทรงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อคนไทย โดยเฉพาะด้านการเกษตร เกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของชาติ

เมื่อล่วงเข้าสู่รัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 พระองค์ก็ทรงมีพระราชปณิธานที่แน่วแน่ที่จะสืบสานแนวพระราชดำริ โดยนำ“ศาสตร์พระราชา”มาปัดเป่าทุกข์บำรุงสุขให้แก่คนไทยทุกคน

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์   เปิดเผยว่า   สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจส่งเสริมการเกษตรอย่างมากมาก ตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช โดยทรงยึดแนวทางทรงงานของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการช่วยเหลือราษฎรแก้ไขปัญหาดิน น้ำ และการเกษตรในลักษณะต่างๆ อาทิ โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯซึ่งจัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2545 เพื่อเป็นหน่วยบริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร แก่ประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดารที่ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบันรวมทั้งโครงการพัฒนาลุ่มน้ำและพัฒนาพื้นที่แห่งต่างๆ ที่ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความปลื้มปีติอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นหน่วยงานรับสนองพระราชกรณียกิจต่างๆ ดังกล่าว

พล.อ.ฉัตรชัย  กล่าวต่อว่า   เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนพรรษาครบรอบ 65 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร วันที่ 28 กรกฎาคม 2560 ในปีนี้     กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ดำเนินโครงการ“เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี” เพื่อเทิดพระเกียรติและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในอันที่จะทำให้เกษตรกรอยู่ดีมีสุข โดยจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ในระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคม 2560 ที่ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร  ด้านนายสมชาย  ชาญณรงค์กุล  อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร  กล่าวถึงไฮไลท์สำคัญของการจัดงานครั้งนี้ว่า    ประกอบด้วย  การจัดแสดงนิทรรศการ 3โซนด้วยกัน   

 

สัมผัสโซนแรกเป็น“นิทรรศการมีชีวิต”เสมือนจริง

จัดแสดงเรื่องสำคัญ อาทิ   นิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ทรงมีต่อการพัฒนาการเกษตร ตลอดจนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รวมทั้งยังได้จัดถวายพระพรเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาของรัชกาลที่10, ผลการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.) ผลผลิตจากการส่งเสริมการเกษตรรูปแบบแปลงใหญ่ในตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และผลงานของ Yong Smart Farmer หรือยุวเกษตรกรรุ่นใหม่ของไทย

 

โซนการจัดแสดงนวัตกรรมทางการเกษตร

จะมีการนำนวัตกรรมและผลงานวิจัยต่างๆ ออกเผยแพร่ เช่น การพัฒนาพันธุ์ข้าวระดับพันธุวิศวกรรม การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ จุลินทรีย์ดิน รวมทั้งอบรมการเกษตรที่ทุกคนสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน แม้แต่คนในเมือง เช่น การปลูกผักแนวตั้ง การปลูกผักใช้พื้นที่น้อย และการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ รวมถึงการฝึกอบรมอาชีพที่หลากหลาย

 

โซนการจัดแสดงและเปิดตลาดสินค้าการเกษตร   

โดยนำผลผลิตคุณภาพจากเกษตรกร อาทิ สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI)ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม ผลิตภัณฑ์พืช สมุนไพร เกษตรอินทรีย์ และของดีทุกภูมิภาคต่าง ๆ เช่น กล้วยเล็บมือนางชุมพร สับปะรดท่าอุเทน ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง กล้วยหินบันนังสตา ข้ามหม่มหอมซ้อมมือ หอยนางรมสุราษฎร์ธานี เนื้อโคขุน ผลิตภัณฑ์จากอโวคาโด มาจัดแสดงและให้ประชาชนเลือกซื้ออย่างจุใจ

“การจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นการรวมพลของเกษตรกรไทยจากทั่วประเทศที่จะเดินทางมาร่วมกันแสดงพลังเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เนื่องจากทุกคนต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น ทำให้เกษตรกรมีความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตร จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติแก่ในหลวงของปวงชนชาวไทย เพื่อให้ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญแก่อาณาประชาราษฎรชาวไทยและเกษตรกรไทยให้เกิดความรุ่งเรืองตลอดไป” นายสมชาย  กล่าว  

 

Young Smart  จ.นครราชสีมา 

โชว์มันหวานสายพันธุ์ฮาวายช่วย  “ชะลอความแก่”

นายวิวัฒน์  ศรีกระสัง  หนึ่งใน Young Smart หรือ “YSF”  แห่งอ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา  วิวัฒน์ถือเป็นเด็กหนุ่มไวแรงที่ผันตัวเองจากอาชีพสื่อสารมวลชนหันมาเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง  ด้วยการหันมาปลูก “มันหวานอินทรีย์”สายพันธุ์ต่างประเทศและสายพันธุ์ไทยในพื้นที่ 50ไร่ ภายใต้กระบวนปลูกระบบอินทรีย์ 100%  ความพิเศษของมันหวานวิวัฒน์  คือ  เนื้อมันสีขาว ไม่เหมาะแก่การปลูกในช่วงฤดูฝน เพราะมีแป้งมาก รสชาติตจะไม่หวาน เช่น พันธุ์ออเรนทอลไวน์

ทั้งนี้   ใครที่อยากรับประทานมันหวานรสชาติอร่อยและมีราคาถูกกว่ามันนำเข้าจากต่างประเทศถึง  10 เท่า   โดยนิวัฒน์จะนำมันหวานพันธุ์ฮาวาย ไปโชว์แลจำหน่ายในราคาถูกในงาน  พันธ์สายพันธุ์ดังกล่าวมีความพิเศษไม่เหมือนใคร  คือ มีหัวสีขาว แต่เนื้อสีม่วง  สีสันสวยงาม  มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการอย่างมาก เนื้อในสีม่วง มีสารช่วยชะลอความแก่  โดยมันหวานพันธุ์ฮาวาย มีเกษตรกรปลูกในไทยน้อยมาก เพียง 10-15 รายเท่านั้น แต่ผลผลิตที่ได้เป็นที่พอใจ 1 ไร่ ได้ 3,000 กิโลกรัม  และราคาดี 350 บาท/กก.ในขณะที่หากนำเข้าจากต่างประเทศมีราคากิโลกรัมละประมาณ 2-3 พันบาท  

 

 ฮือฮาYong  Smart  Farmer จ.ระยอง

เตรียมเปิดตัว “หม้อข้าว หม้อแกงลิง” ต้นละ3 แสน

            

อีกหนึ่งนวัตกรรมโดดเด่นที่อยากให้ไปสัมผัสคือ “หม้อข้าว หม้อแกงลิง” ของประกิต โพธิ์ศรี  เกษตรกรรุ่นใหม่จากอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ผู้ริเริ่มปรับปรุงสายพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิง โดยนำนวัตกรรมทางพันธุกรรมพืชของไทย ผสมร่วมกับพันธุ์ต่างประเทศ จนได้สายพันธุ์ใหม่   ได้แก่  สยามเรด นิลมังกร แบล็คไดมอน เป็นต้น ทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ หรือเป็นซิกเนเจอร์ของประเทศไทย

ปัจจุบันหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่ได้พัฒนาสายพันธุ์ใหม่   โดยนำพันธุ์ไทยกับต่างประเทศมาผสม ทำให้เกิดใบด่างสวยงายกลายเป็นต้นไม้ที่มีมูลค่า    โดยตลาดค้าส่งหม้อข้าวหม้อแกงลิง ได้แก่ ตลาดบางใหญ่ สวนจตุจักรและหน้าสวน   ส่วนต่างชาติที่นิยมสะสมและนิยมเลี้ยงหม้อข้าว หม้อแกงมากที่สุด ได้แก่  เวียดนาม อินโดนีเซีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น  จีน อเมริกา  ส่วนคนไทยจะนิยมเลี้ยงสายพันธุ์ต่างประเทศซึ่งมีลักษณะดอกทรงกระบอก  ในขณะตลาดต่างประเทศจะนิยมสายพันธุ์ไทยซึ่งมีลักษณะดอกกลมๆ

ประกิต  กล่าวด้วยว่า  หม้อข้าว หม้อแกงสายพันธุ์ที่เป็นนวัตกรรมล่าสุดมีนักธุรกิจที่นิยมสะสมจากประเทศเวียดนามเสนอซื้อในราคา 3แสนบาทเป็นสายพันธุ์ N.viking x rafflesiana  โดยตนจะนำไปเปิดตัวเป็นครั้งแรกงาน “เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี”  จะมีคุณลักษณ์พิเศษคือต้นด่าง ใบลายเกิดจากยีนส์ที่ผิดปกติทำให้เปลี่ยนสีใบ เป็นใบไม้ที่หายาก จะเรียกว่าเป็นต้นเดียวในโลกก็ว่าได้    ใบและดอกจะลายสีเดียวเป็นจะเกิดขึ้นได้ 1ในล้านต้นจะเจอสักต้น ขณะนี้ยังไม่ทราบเพศ  กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาสายพันธ์อีกที   นอกจากนั้นก็เป็นสายพันธุ์ สยามเรด แบล็คไดมอนด์  นิลมังกร คู่ผสมสีดำ ต้นที่เป็นเกลียวซึ่งขณะนี้เตรียมที่จะขอชื่อพระราชทานอีกด้วย โดยสยามเรดปัจจุบันจำหน่ายอยู่ที่ต้นละ 250 บาท  แบล็คไดมอนด์  300 บาทส่วนนิลมังกรจะอยู่ประมาณ 4,000-80,000  หมื่น  ปัจจุบันต้นมีพื้นที่ปลูกทั้งหมด 14ไร่  นอกจากจำหน่ายพันธุ์แล้วยังเปิดให้เป็นศูนย์ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์อีกด้วย 

“ การนำต้นหม้อข้าว หม้อแกงสายพันธุ์ต่างๆไปโชว์ในครั้งนี้   เพื่อเผยแพร่ผลการพัฒนาพันธุ์พืชท้องถิ่น ซึ่งกำลังจะสูญพันธุ์ ให้ทั่วโลกได้เห็นคุณค่า และร่วมอนุรักษ์ พร้อมต่อยอดแนวคิดพัฒนาสู่การเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศ จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้สนใจเข้าร่วมงาน จะได้เห็นพันธุ์พืชใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาสายพันธุ์ และยังช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงเกษตร”  ประกิต  กล่าว

       

Yong  Smart  Farmer หนองคาย

ไอเดียเจ๋ง สร้างนวัตกรรมสเปรย์ดับกลิ่นจากมูลไส้เดือน

จามจุรี  กันคำ  เด็กสาวจากเชียงใหม่ที่มีดีกรีถึงวิศวกรด้านอุตสาหกรรมจากต่างประเทศ   เป็นอีกคนหนึ่งที่ผันตัวเองจากมนุษย์เงินเดือนมาเป็นเกษตรกรุ่นใหม่ ((Yong  Smart  Farmer) มาตั้งถิ่นฐานอยู่เมืองหนองคาย  โดยร่วมตัวกับเพื่อนๆที่เข้าร่วมโครงการในการปลูกผักอินทรีย์และร่วมกันทำตลาดจำหน่าย   จากนั้นก็จุดประกายความคิดอยากต่อยอดในการผลิตปุ๋ยใช้เองเพื่อลดต้นทุนการผลิต   โดยศึกษา ค้นคว้าวิธีผลิตปุ๋ยไส้เดือนด้วยตนเอง  จนเกิดความเชี่ยวชาญพัฒนาจนสามารถผลิตจำหน่ายภายใต้ชื่อ “อีคิวฟาร์ม จำกัด”    นอกจากเลี้ยงทำปุ๋ยแล้วยังได้เลี้ยงไส้เดือนเพื่อการค้า   ไส้เดือนที่จามจุรีเลี้ยงเป็นไส้เดือนสายพันธุ์ African night crawler ที่สามารถผลิตมูลไส้เดือนเร็วกว่าสายพันธุ์พื้นบ้านถึง 6 เท่า ขยายพันธุ์ได้เร็วกว่าอีกด้วย

ไม่หยุดเพียงแค่นั้น จามจุรียังเกิดไอเดียต่อยอดมูลไส้เดือน  โดยสร้างนวัตกรรมจาการเลี้ยงไส้เดือนดิน  ได้ค้นพบสารกำจัดกลิ่น ซึ่งเกิดจากการสร้างของจุลินทรีย์ที่ใช้อากาศที่อยู่ภายในใจตัวของไส้เดือน  ผ่านการเลี้ยงไส้เดือนดินด้วยวิธีพิเศษและใช้นวัตกรรมการหมักสกัดและกรอง  ผ่านความร้อนเพื่อทำการกำจัดเชื้อจุลินทรีย์  ให้คงเหลือแต่สารดับกลิ่น   นวัตกรรมสเปรย์ไส้เดือนดินจึงถือเป็นนวัตกรรมครั้งแรกของเกษตรกรไทยที่ไม่ได้หยุดแค่ผลิตปุ๋ย แต่สามารถนำปุ๋ย ดิน และน้ำมาประยุกต์เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกายมนุษย์ได้   ผลิตภัณฑ์สเปรย์ไส้เดือน “อีคิวฟาร์ม”  นับเป็นผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากธรรมชาติ   ไม่มีกลิ่น  แต่มีความปลอดภัยปราศจากการแพ้  ปัจจุบันนอกจากผลิตเป็นสเปรย์ดับกลิ่นเท้าของคนเราแล้ว ยังมีสเปรย์ดับกลิ่นน้องหมา แมวอีกด้วย ซึ่งผ่านขบวนการตรวจสอบคัดเชื้อออกเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยที่สุดไม่มีอาการแพ้จากห้องแล็ปมาเรียบร้อย  ปัจจุบันจามจุรีอยู่ระหว่างเสนอจดสิทธิสเปรย์ดับกลิ่นมูลไส้เดือนเป็นสเปรย์ดับกลิ่นอีกด้วย และนับเป็นนวัตกรรมโดดเด่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับเกษตรกรรุ่นใหม่ของไทยเป็นอย่างมาก   

“ไส้เดือนจัดเป็นหนึ่งในประเภทของสมุนไพรในอดีต  มีคุณสมบัติในการรักษาโรคและบำรุงร่างกายตั้งแต่อดีตกาล   จึงไม่มีอันตรายแต่อย่างใดต่อร่างกาย  นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ยังไม่มีใครค้นพบคือสามารถนำมาทำกำจัดกลิ่นอับชื้นตามร่างกายและทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นได้อีกด้วย”

ทั้งนี้    เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป  สามารถเยี่ยมชมผลงานนวัตกรรมเด่นของเกษตรกรรุ่นใหม่ยอดอัจฉริยะของไทยได้   ในงาน “เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี” ระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคม 2560 ณ.สวนลุมพินี กรุงเทพฯ