‘พิธา’ จองกฐินชำแหละร่าง พ.ร.บ.งบฯ จ่อยื่นอภิปราย ม.151 ไตรมาส 1-2 ปี 67

‘พิธา’ จองกฐินชำแหละร่าง พ.ร.บ.งบฯ จ่อยื่นอภิปราย ม.151 ไตรมาส 1-2 ปี 67

‘พิธา’ จองกฐินหลังถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 67 ไตรมาส 1-2 ปีหน้า อาจยื่นอภิปรายตาม ม.151เหน็บ ‘เศรษฐา’ บริหารราชการแผ่นดินกับเอกชน แตกต่างกัน นอกจากสั่งต้องติดตามผลด้วย ยันเดินหน้า ‘ฝ่ายค้านสร้างสรรค์’ ลั่นไม่ว่าอยู่ฝั่งไหน ‘ก้าวไกล’ ก็ สส.อันดับ 1 ของไทยอยู่ดี

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2566 ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงข่าว “วาระ 90 วัน วิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐา” ถึงกรณีการประเมิน หรือให้คะแนนรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า ตอนแรกคนที่ทำสไลด์เขียนว่าประเมิน เราประเมินไม่ได้ เราวิเคราะห์ พอไม่มีโร้ดแม็ปชัดเจน ก็เลยไม่รู้ว่าตั้งใจทำอะไร จึงประเมินเป็นเกรดไม่ได้ ทำได้อย่างมากคือการวิเคราะห์ และวิเคราะห์อย่างฝ่ายค้านเชิงรุก สร้างสรรค์ แสดงให้เห็นว่ามีข้อดีหลายข้อเหมือนกัน สิ่งที่ทำได้ดี ไม่ว่าการช่วยเหลือผู้ถูกลักพาตัว หรือวัคซีนมะเร็งปากมดลูก แต่เรื่องที่เหลือต้องปรับปรุง และที่แยกหลายประเภท โดยเนื้อหาถ้าเปิดใจฟังจะเห็นว่า คิดสั้นโอเคแล้ว ที่เหลือต้องคิดยาวต่อ นี่ทำไว้ใหญ่ แต่อาจผิดทิศทาง ปีหน้าทิศทางการบริหารคงเข้ารูปเข้ารอยมากกว่านี้

เมื่อถามว่า การจำกัดความว่ารัฐบาลอาจเปลี่ยนทิศทางการบริหารในปีหน้า คิดว่าจะมีการหาทางลงจริงหรือไม่ หรือมีสัญญาณเปลี่ยนนายกฯปีหน้าหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คำว่าปรับเปลี่ยนทิศทางน่าจะเหมาะสมมากกว่าการหาทางลง เพราะการหาทางลงประเทศไม่ได้ต้องการในตอนนี้ แต่การปรับเปลี่ยนท่าที ทิศทาง การทำงานมีเป้าหมาย เป็นมืออาชีพ น่าจะทำให้สถานการณ์ที่เป็นโจทย์ร้อนในปีหน้าเบาบางลงได้ คาดว่าจะปรับเปลี่ยนตามที่พรรคก้าวไกลเสนอแนะ แต่ให้มีโอกาสทำงานเต็มที่ก่อน
    
เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวให้รัฐบาลผ่านหรือไม่ผ่าน นายพิธา กล่าวว่า ผ่านบ้าง ไม่ผ่านบ้าง อุตส่าห์ทำออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บางเรื่องทำดีแล้ว ขอให้ทำต่อ บางเรื่องต้องปรับปรุง พัฒนา หวังว่ารัฐบาลจะฟังฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ และฟังพี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่า จะยื่นญัตติอภิปรายรัฐบาลเมื่อไหร่ นายพิธา กล่าวว่า คาดว่าการยื่นอภิปรายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 สมัยประชุมหน้า มีวาระสำคัญอยู่แล้ว เช่น พ.ร.บ.งบประมาณ ถ้าไม่มีรายละเอียดอย่างที่เราร้องขอในครั้งนี้ การยื่นมาตรา 151 เป็นสิ่งที่หัวหน้าชัยธวัช น่าจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่รออยู่ตอนนี้ คงจะยื่นในช่วงไตรมาสที่ 1 หรือ 2 ของปี 2567 ขึ้นอยู่กับผลการชี้แจง พ.ร.บ.งบประมาณ ที่เข้ามาก่อนอยู่แล้ว จะใช้โอกาสนั้นชำแหละงบประมาณที่ตรงกับสิ่งที่ก้าวไกลเสนอเรื่องวิสัยทัศน์ และเป้าหมายหรือไม่ และการชี้แจงคำถามของฝ่ายค้าน ถ้าทำได้ไม่ดี คงยื่นมาตรา 151 และเรายังคงดำเนินการกับการใช้งบประมาณไม่ถูกต้องหรือทุจริต เราทำเรื่อย ๆ อาจอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาลต้นปีหน้า

เมื่อถามอีกว่า มีบางส่วนมองภาพนายเศรษฐา เหมือนไม่ใช่นายกฯตัวจริง พูดอย่างหนึ่ง แต่ข้าราชการทำอย่างหนึ่ง นายพิธา กล่าวว่า ยกตัวอย่างให้ชัดเจนคือการออกข้อสั่งการประชุม ครม.เรื่องค่าแรง เป็นการประชุมไตรภาคีของคณะกรรมการฯต้องดูว่าสูตรคำนวณมีอะไร และรับฟังจากคนเสนอแนะว่า สูตรคำนวณค่าแรงขั้นต่ำคืออะไรบ้าง นอกจากสั่งการเป้าหมายอย่างนี้ ต้องส่งคนไปดูกระบวนการเกิดขึ้นอย่างไร ถ้าทำแบบนี้แต่ต้น คงไม่มีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นแบบนี้ 
    
“อยากเสนอนายกฯว่า มันไม่สามารถสั่งการลงไป แล้วทำให้เกิดขึ้น มันแตกต่างกันระหว่างบริหารราชการแผ่นดิน กับเอกชนอยู่ การบริหารแผ่นดินต้องส่งเข้า ครม. และส่งคนไปติดตามว่าสิ่งที่สั่ง ทำได้ทางกฎหมาย หรือเป็นไปไม่ได้ หากเป็นไปได้ต้องมีกระบวนการที่จะแก้ สามารถบริหารไปถึงเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้น” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามถึงนโยบายทางการเมืองของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล โดยรัฐบาลเน้นเศรษฐกิจมากกว่ารัฐธรรมนูญ มากกว่าปฏิรูปเชิงโครงสร้าง มองว่าเป็นจุดอ่อนหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าน่าเสียดาย หลายครั้งตอนแวะไปเยี่ยมสื่อแต่ละสำนักตอนดีเบต ค่อนข้างเห็นว่าไทยมีความหวังพอสมควรไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล เมื่อเรามีแผนการทำงานในช่วง 100 วันก็ดี แผนบริหารจัดการช่วงปีแรกก็ดี ทำให้เกิดการเมืองใหม่ เศรษฐกิจใหม่ ความหวังใหม่ คิดว่าน่าเสียดายที่รัฐบาลอาจไม่ได้สื่อสารในตอนนี้ และหลายเรื่องคิดไป ทำไป คิดสั้น ไม่คิดยาว คิดใหญ่ ทำเล็ก 

เมื่อถามว่า ประเมินการทำงานของฝ่ายค้าน นายพิธา กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการทำงานมุมมองของเราระดับพรรค ถ้าจำได้เรามีวาระ 100 วันแรก 1 ปี 4 ปี เราใช้ตรงนั้นเป็นตัวตั้ง ตัวกฎหมายสำคัญมีหลายฉบับ ในมุมนี้เราได้ยื่นกฎหมายสำคัญไปหลายเรื่อง การทำงานในสภาฯที่ตั้งใจไว้ แต่ต้องยอมรับว่า หลายครั้งไม่สามารถทำได้ สภาฯล่มเมื่อไม่กี่วันก่อน และการทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่านกฎหมาย เสนอญัตติต่าง ๆ คงต้องทำต่อไป และปีหน้าเราก็มีแผน 1 ปีในการทำงาน ทั้งระดับพรรค และระดับฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า ปีหน้าพรรคก้าวไกลจะมีอุปสรรคมากขึ้นหรือไม่ ล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปลี่ยน กก.บห.เปลี่ยนหัวหน้าพรรค จับตาหลายอย่างว่า อาจเปลี่ยนขั้วไปร่วมรัฐบาล พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยว นายพิธา กล่าวว่า ไม่ว่าฝั่งไหน พรรคก้าวไกลก็เป็นพรรคอันดับ 1 ในไทยอยู่ดี มี สส.มากสุดอยู่ดี เราตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ไม่ว่าผ่าน กมธ.ก็ดี ผ่านสภาฯก็ดี นอกสภาฯก็ดี เชื่อมั่นใจว่าเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก สร้างสรรค์ และสร้างความผาสุกให้ประชาชนได้ในที่สุด เรามั่นใจในตัวเรา มั่นใจในการทำงานของเราว่าจะพัฒนายิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และพรรคก้าวไกลจะเป็นความหวังของประชาชนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงการพัฒนาบุคลากร สส.ในมือ นายพิธา กล่าวว่า จะทำให้เต็มที่ ขอบคุณสำหรับคำเตือน จะพัฒนาบุคลากร สส. ให้เต็มที่ น้อมรับไว้

“ยืนยันไม่ใช่ฝ่ายค้านจ้องล้มรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นฝ่ายค้านที่เป็นความหวังของประชาชน” นายพิธา กล่าว