"วิษณุ" แจงสภาฯ เดือนสิงหาคม มีข้อสรุปผลตรวจสอบคนเอี่ยวช่วย"คดีบอส"

"วิษณุ" แจงสภาฯ เดือนสิงหาคม มีข้อสรุปผลตรวจสอบคนเอี่ยวช่วย"คดีบอส"

ส.ส.ก้าวไกล ตั้งกระทู้ถาม คืบหน้าคดีตามบอส มาดำเนินคดี "วิษณุ" บอกสิงหาคม หน่วยงานที่รับเรื่องไปตรวจสอบ จะมีความชัดเจน ย้ำ "สตช." รับปากนายกฯ จะตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้

          ในการประชุมสภา ช่วงกระทู้ถามทั่วไป นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามถึงความคืบหน้าของการติดตามความคืบหน้าและการติดตานายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาคดีขับรถชนดาบตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 เพื่อมาดำเนินคดี โดยตั้งเป็นคำถามถึงการดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามผลการพิจารณาของนายวิชา มหาคุณ ที่ไม่มีควาคืบหน้า พร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่ากรณีของคดีที่ไม่คืบหน้าเพราะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายนายตำรวจเจ้าของสำนวนคดี

 

          ทั้งนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้แจงต่อเรื่องดังกล่าวว่า หลังจากที่นายวิชา ส่งรายงานมายังรัฐบาล ได้มอบหมายให้ ป.ป.ท.เป็นเจ้าภาพประสานไปยังหน่วงานต่างๆ เพื่อดำเนินการได้แก่  กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), อัยการสูงสุด, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), สภาทนายควา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยแต่ละหน่วยงานได้แจ้งความคืบหน้ามายังรัฐบาลเป็นระยะ โดยในเดือนสิงหาคมนี้จะมีความชัดเจนในการตรวจสอบ อาทิ สภาทนายความ ที่กรรมการมรรยาท ได้ตรวจสอบทนายที่เกี่ยวข้องกับคดีซึ่งเป็นผู้เดินเรื่องยื่นหน่วยงานต่างๆที่มีผลต่อคดีทั้งนี้พบว่าทนายคนดังกล่าวมีการบ่ายเบี่ยงโดยอ้างสถานการณ์โควิด แต่ในสิ้นเดือนสิงหาคมทางกรรมการมรรยาทจะสรุปเรื่องฝ่ายเดียว เพราะทนายคนดังกล่าวไม่ประสงค์จะชี้แจง

          “ส่วนที่บอกว่าพล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจโยกย้ายตำรวจ ข้อเท็จจริงเป้นการโยกย้ายปกติไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดีการติดตามตัวนายวรยุทธนั้นกระทรวงการต่างประเทศ และสตช. ได้ติดตาม ส่วนความเข้มมหรือเบาขึ้นอยู่กับน้ำหนักพยาน และความร่วมมือของต่างประเทศ ทั้งนี้ผมได้รับรายงานจากสตช. ถึงการติดตามทางลับ โดยได้ติดตามญาติของนายวรยุทธที่เดินทางไปต่างประเทศ เผื่อจะเจอ แต่ขณะนี้ไม่มีความคืบหน้า” นายวิษณุ กล่าว

 

          นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า คดีของนายวรยุทธยังเหลือคดีขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีอายุความมเหลืออยู่ 5 ปี โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันกับนายกฯฯ ว่า จะใช้กระบวนการและความร่วมมือกับต่างประเทศติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนั้น ป.ป.ช. ได้ดำเนินการแล้ว