พรรคเพื่อไทย เตรียมเปิดนโยบายการศึกษา “มุ่งสร้างหลักประกันการศึกษาคุณภาพถ้วนหน้า” ด้าน "หญิงหน่อย" ชี้พรุ่งนี้ (18 ธ.ค.) จบเรื่องผู้สมัครส.ส.
นายนพดล ปัทมะ ผู้ร่างนโยบายการศึกษาของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมเปิดนโยบายการศึกษา “มุ่งสร้างหลักประกันการศึกษาคุณภาพถ้วนหน้า” เตรียมคนสำหรับศตวรรษที่ 21 โดยเน้นการเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพต้องเกิดขึ้นจริง นโยบายจะแก้ปัญหาพื้นฐาน 3 เรื่องคือ
1)เพิ่มคุณภาพการศึกษาทั้งระบบทุกช่วงชั้น ตั้งแต่เด็กอ่อน จนถึงมหาวิทยาลัย
2)สร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คนไทยจะยากดีมีจนอยากเรียนต้องได้เรียนทุกที่ทุกเวลา นำเทคโนโลยีมาช่วยในการเรียนการสอน และ
3)ปฏิรูปและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ การใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ เงินด้านการศึกษาทุกบาทต้องคุ้มค่า รวมทั้งกระจายอำนาจการจัดการศึกษาให้โรงเรียน ชุมชน เอกชนเข้าร่วมจัดการศึกษา โดยนโยบายนั้นมีเป้าหมายให้คนไทยมีสมรรถนะและทักษะด้านต่างๆ เช่นทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะชีวิต ทักษะด้านเทคโนโลยี ทักษะด้านภาษา ไทย อังกฤษ จีน และมีทักษะของศตวรรษที่ 21 มีคุณธรรม เรียนจบแล้วมีงานทำ โดยเฉพาะอาชีวะศึกษาให้คนเรียนมีฝีมือและทักษะตามที่ตลาดต้องการ
พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการศึกษาปฐมวัยหรือเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงอายุ 8 ขวบเพราะการศึกษาของเด็กเล็กเปรียบเหมือนเสาเข็มแรกของชีวิต เช่น การช่วยเหลือเด็กเล็กในครอบครัวที่ยากจนเดือนละ 1000 บาทอาจไม่พอด้วยซ้ำ ซื้อนมและแพมเพิสก็หมดแล้ว พรรคกำลังพิจารณาจำนวนเงิน วิธีการจัดสรรเงินให้ผู้ขาดแคลนที่ตรงเป้า รวมทั้งต้องปรับปรุงศูนย์เด็กเล็กให้เป็นสมาร์ทเดย์แคร์นับหมื่นแห่งทั่วประเทศ พรรคไม่เน้นนโยบายเกทับพรรคอื่น แต่ต้องการแก้ปัญหาการศึกษาให้ตรงจุดอย่างยั่งยืน และจะนำเสนอนโยบายที่เป็นรูปธรรมเร็วๆนี้ มั่นใจว่าเมื่อนำเสนอแล้วประชาชนจะนิยม
นายชุมสาย ศรียาภัย ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ 4 รัฐมนตรีในรัฐบาลคสช.ลาออก เพราะทั้ง 4 คนเป็นสมาชิกพรรคและมีตำแหน่งผู้บริหารในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่องโดยชัดแจ้ง ซึ่งอาจมีความไม่เหมาะสมและสุ่มเสี่ยงที่จะถูกตั้งข้อครหา และเป็นการไม่ชอบธรรม ดังนี้
1). การกระทำของ 4 รมต.อาจเข้าข่ายเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ conflict of interest ซึ่ง รัฐธรรมนูญ2560 ในหมวด 9 บัญญัติ ไว้ชัดแจ้งว่า รมต.ต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งไม่ว่าในทางตรงหรือทางอ้อมอันเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือพรรคการเมือง
2) .การอ้างว่าทำกิจกรรมทางการเมืองในวันหยุดหรือนอกเวลาราชการสามารถกระทำได้นั้น เห็นว่า สถานะการเป็น รมต.ติดตัวอยู่ตลอดเวลา นับแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งจนกว่าจะพ้นจากตำแหน่งไปตามกฎหมาย ไม่ได้ขาดไปในช่วงวันหยุดหรือนอกเวลาราชการ ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่ของ รมต.ทั้ง 4 ท่านจึงต้องทำตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนดไว้โดยเคร่งครัด ซึ่งจะต้องไม่ใช้สถานะรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์ให้กับพรรค ประกอบกับการที่ กกต.ซึ่งเป็นผู้รับนโยบายและอยู่ใต้บังคับบัญชาของคณะรัฐมนตรีอาจต้องฟังคำสั่ง ขาดความเป็นอิสระ และมีปัญหาเรื่องการวางตัวเป็นกลางทางการเมืองได้
3 .) ในการปฏิบัติหน้าที่ทั้ง2สถานะดังกล่าวอาจมีการสั่งการให้ใช้ทรัพย์สิน อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ ยานพาหนะ ตลอดจนใช้บุคคลากรของทางราชการ เอื้อประโยชน์ต่อกิจกรรมของพรรคที่ตนเองสังกัดอยู่ อันถือว่าเป็นการเอาเปรียบกันในทางการเมืองต่อพรรคการเมืองอื่นๆ
4 ) รมต.ทั้ง 4 ท่านเป็นสมาชิกพรรคและมีตำแหน่งผู้บริหารพรรค การดำรง 2 สถานะในคราวเดียวกันอาจถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามข้อกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ.2561 ประกอบรัญฐธรรมนูญมาตรา 219 วรรคสอง ซึ่งให้บังคับใช้กับ รมต.ด้วย
“ จึงขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีทั้ง 4 ท่าน เป็นตัวอย่างที่ดีทางการเมืองตามธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยมีกันมา ด้วยการลาออกจากตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ และลงสู่สนามทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างสง่าผ่าเผย ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้นักการเมืองรุ่นใหม่ๆ ยึดถือปฏิบัติต่อไป”
นายชุมสาย กล่าวอีกว่า การใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีและองคาพยพต่างๆของภาครัฐสนับสนุนการลงพื้นที่ของ 4 รัฐมนตรีถือว่าไม่ยุติธรรมและเป็นการเอาเปรียบผู้สมัครจากพรรคอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทย ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารจับตาและเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ถึงขนาดที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ต้องออกมาเปิดเผยต่อสื่อว่าถูกทหาร ตำรวจ ประกบติด ทุกพื้นที่ที่ลงไปพูดคุยกับประชาชน หน่ำซ้ำยังมีการปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้ามาพบ หากไม่ทำตามก็ขู่จะตัดงบพัฒนาที่ประชาชนจะได้อีกด้วย
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ แกนนำพรรค เปิดเผยถึงการคัดเลือกผู้สมัครลงเลือกตั้งส.ส.เขตว่า ส่วนใหญ่ลงตัวเกือบทุกเขตเลือกตั้งแล้ว เหลือประมาณ 4-5 จังหวัดที่ยังเป็นปัญหา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อยุติทั้งหมดในวันพรุ่งนี้
ส่วนรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคจะเปิดตัวในช่วงวันสมัครรับเลือกตั้งคือประมาณกลางเดือนมกราคมปีหน้า