ภาครัฐ ผนึก เอกชน ช่วยคนไทยเลิกบุหรี่

ภาครัฐ ผนึก เอกชน ช่วยคนไทยเลิกบุหรี่

ชี้พฤติกรรมการบริโภคยาสูบในประเทศไทย ปี 2560 พบประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งมีกว่า 55.9 ล้านคน เป็นผู้สูบบุหรี่กว่า 10.7 ล้านคน หรือ 19.1% แม้ผู้สูบประจำน้อยลง แต่ผู้สูบเป็นครั้งคราวกลับเพิ่มสูงขึ้น

ดร.พิธาน พื้นทอง ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในงานเปิดตัวโครงการ “เลิกเพื่อพ่อ Quit for King” และพิธีลงนามข้อตกลงระหว่าง บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (ไทย) จำกัด และสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) ในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นช่วยเลิกบุหรี่ “Smoke Free TH” ว่า บุหรี่เป็นการเริ่มต้นไปสู่สารเสพติดชนิดอื่น จากการสำรวจโรงเรียนกว่า 37,000 แห่ง มีเด็กที่เกี่ยวข้องกับเหล้าบุหรี่ 1.3% แบ่งเป็น ติดเหล้า 31% ติดบุหรี่ 43% และติดทั้งเหล้าและบุหรี่ 22% โดยเด็กอายุต่ำสุดคือช่วงชั้นป.5-6 ดังนั้น ทางโรงเรียนต้องดูแลกันอย่างเข้มข้น นอกจากนี้สังคมต้องช่วยกันสอดส่องดูแล

“กระทรวงศึกษาให้ทุกโรงเรียนดำเนินการป้องกัน ค้นหา เฝ้าระวัง และบริการจัดการ ผ่าน 7 มาตรการ ได้แก่ ให้ทุกโรงเรียนดำเนินการตามพรบ. ยาสูบและเหล้าอย่างเข้มงวด, ติดป้ายห้ามสูบบุหรี่, ครูและผู้บริหารต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง, ห้ามนักเรียนสูบบุหรี่, สอดแทรกความรู้ในการเรียนการสอน, รณรงค์ผ่านกิจกรรมภายในโรงเรียน และสุดท้าย ต้นสังกัดต้องสนับสนุนงบประมาณในการทำสื่อรณรงค์ นอกจากนี้ ต้องปลูกฝั่งความเชื่อให้เด็กใหม่ ว่าทำอย่างอื่นก็เท่ได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งบุหรี่”

ปัจจุบัน มีหลายหน่วยงานหันมารณรงค์ให้คนไทยลด ละ เลิกบุหรี่ เนื่องจากปัจจุบัน ยอดคนไทยที่สูบบุหรี่ก็ยังคงมีจำนวนมากอยู่ถึง 20.7% และมีการประเมินว่า 1 ใน 4 ของผู้สูบบุหรี่ จะเสียชีวิตด้วยโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ในอีก 10-20 ปีถัดไป นอกจากนี้ สถานการณ์ด้านพฤติกรรมการบริโภคยาสูบในประเทศไทย ปี 2560 พบ ประชากรที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กว่า 55.9 ล้านคน เป็นผู้สูบบุหรี่กว่า 10.7 ล้านคน หรือ 19.1% แม้ผู้สูบประจำจะลด แต่ผู้สูบครั้งคราวกลับเพิ่มขึ้น

ด้าน กษิดิศ ขันธรัตน์ รองประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย ผู้ริเริ่มโครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2559 ด้วยความร่วมมือกับหลายภาคส่วน อาทิ กระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ปัจจุบัน มีทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน และห้างร้านต่างๆ เข้าร่วมกว่า 400 องค์กร เราทำงานร่วมกับ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 1,040,000 คนทั่วประเทศ ชวนคนในหมู่บ้านและชุมชนเลิกบุหรี่ ในอัตราส่วน อสม. 1 คน ต่อคนเลิกบุหรี่ 3 คน ด้วยวิธีการหักดิบ และชักชวนต่อๆ กัน จากการดำเนินงานมา 2 ปี มีคนสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.4 ล้านคน มีคนที่เลิกได้ 6 เดือนขึ้นไปและเลิกขาดราวๆ 2.4 แสนคน หลังจากจบโครงการในเดือนตุลาคม 2562 คาดจะมีคนเลิกบุหรี่ได้ขาดราวๆ 3 แสนคน

ภญ.ดร.ศิริรัตน์ ตันปิชาติ สมาคมเภสัชกรรมชุมชน กล่าวว่า สำหรับใครที่ต้องการเลิกบุหรี่ ในร้านยาจะมีเภสัชกรที่สามารถให้คำแนะนำได้ ในส่วนของสมาคมเอง มีสมาชิกประมาณ 6,000 คนทั่วประเทศ ไม่ว่าจะในชุมชนและสถานศึกษา เราอยากจะมีส่วนร่วมกับภาครัฐเพื่อให้ประชาชนถึงเป้าหมาย เปรียบเสมือนเพื่อนร่วมทางสำหรับคนอยากเลิกบุหรี่ ทั้งนี้ ผู้ที่สมัครใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนที่ร้านยาใกล้บ้าน โดยทางเภสัชกร จะให้คำแนะนำ พูดคุย และติดตามผล นอกจากนี้ ตัวช่วยที่สำคัญที่สุด คือ “ครอบครัว” ที่จะเป็นแรงจูงใจ หรือบางคนบางคนอาจต้องใช้ยา เพราะการติดนิโคติน เหมือนคนไม่สบาย ก็อาจจะใช้ยาช่วยร่วมด้วย

พญ.ศุภนิตย์ พุฒิโภคิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันทางสำนักอนามัย มีศูนย์บริการสาธารณสุขทั้งหมด 68 แห่งทั่วกรุงเทพ ในปี 2561 เราเปิดให้มีศูนย์บริการในการเลิกบุหรี่หรือ “คลินิกอดบุหรี่” จำนวน 18 แห่ง ซึ่งมีทั้งทีมแพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ คอยให้คำปรึกษา โดยผู้ที่สนใจเลิกบุหรี่สามารถแจ้งความต้องการ และเข้าพบนักสังคมสงเคราะห์หรือนักจิตวิทยาเพื่อประเมินอาการ หากเลิกเองได้ อาจใช้น้ำยาบ้วนปากอดบุหรี่ สำหรับคนที่มีแนวโน้มเลิกยากอาจต้องทานยาร่วมด้วย ทั้งนี้ ทางสำนักอนามัย มีแผนที่จะเปิดให้บริการคลินิกอดบุหรี่ให้ครบทั้ง 68 แห่ง ภายในปี 2562 สำหรับผู้ที่สะดวกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า สามารถไปขอคำแนะนำได้ที่ ศูนย์บริการสาธารณสุข 16 ลุมพินี, ศูนย์บริการสาธารณสุข 21 วัดธาตุทอง และศูนย์บริการสาธารณสุข 51 วัดไผ่ตัน

ด้าน ภก.วีรวัฒน์ มีแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และการเข้าถึงยา บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (ไทย) จำกัด กล่าวว่า การเลิกบุหรี่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดกัน ถ้าเลิกแบบหักดิบจะได้บางคนที่จิตใจแข็งแรงจริงๆ เท่านั้น แม้จะมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเลิกบุหรี่แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ เราจึงพัฒนาแอปพลิเคชั่นช่วยเลิกบุหรี่ “Smoke Free TH” ซึ่งเปรียบเสมือนบัดดี้ ที่เต็มไปด้วยข้อแนะนำ ติดตามผล และสามารถย้อนดูเส้นทางความสำเร็จที่ผ่านมาได้ พร้อมกันนี้ ยังสามารถโทรปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำได้อีกด้วย