วิตกขัดแย้งการค้าฉุดราคาน้ำมันดิบร่วง1.4%

วิตกขัดแย้งการค้าฉุดราคาน้ำมันดิบร่วง1.4%

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันอังคาร (30ต.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวร่วงลง 1.4% เพราะได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งอาจฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง  95 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 66.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 75.69 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันร่วงลงมากกว่า 11 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ทำไว้ในสัปดาห์แรกของเดือนต.ค.

ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากรัสเซีย สหรัฐ และซาอุดีอาระเบียแตะระดับ 33 ล้านบาร์เรล/วันเป็นครั้งแรกในเดือนก.ย. โดยเพิ่มขึ้น 10 ล้านบาร์เรล/วันนับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นทศวรรษนี้ และบ่งชี้ว่าการผลิตน้ำมันจากทั้ง 3 ประเทศดังกล่าวสามารถรองรับอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกได้ถึง 1 ใน 3

สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ระดับสูงกำลังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และส่งสัญญาณลบต่อผู้ผลิต โดยประเทศในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย เช่น อินเดียและอินโดนีเซีย ต่างก็ถูกกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นราว 15% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่ค่าเงินในประเทศที่ดิ่งลงเทียบดอลลาร์ เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น และฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกแถลงการณ์ว่า จีน กำลังทำการติดต่อสหรัฐเพื่อจัดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกรอบการประชุมจี20 ในเดือนหน้า  หากการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงเกิดขึ้นจริง ถือเป็นการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมที่กรุงปักกิ่งในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยการประชุมจี20 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.

ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มั่นใจว่า สหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงทางการค้าครั้งใหญ่กับจีน แต่เขาก็เตือนว่าสหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีอีกหลายแสนล้านดอลลาร์ต่อสินค้าจีน หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับจีน