โพลล์เผยภาพลักษณ์อเมริกาแย่ลงยุค“ทรัมป์”เป็นปธน.

โพลล์เผยภาพลักษณ์อเมริกาแย่ลงยุค“ทรัมป์”เป็นปธน.

ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และอิสราเอลมองสหรัฐดีงามที่สุดในยุครัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์

ผลสำรวจความเห็น25 ประเทศจัดทำโดยพิว รีเสิร์ช เซนเตอร์ ที่ได้รับการเผยแพร่วันนี้ ระบุว่า ภาพลักษณ์ของสหรัฐอเมริกาแย่ลงไปมาก เมื่อเทียบกับบรรดาประเทศพันธมิตรอื่นๆทั่วโลกหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาบริหารประเทศในฐานะประธานาธิบดีได้ 1 ปี โดยหนึ่งในหลายๆปัจจัยที่ทำให้ภาพลักษณ์ของสหรัฐเสียหายคือการตำหนิติเตียนประเทศต่างๆผ่านสื่อทั่วโลกของทรัมป์ ทั้งแคนาดาและเยอรมนี

ผลสำรวจระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามทั้ง 25 ประเทศทั่วโลกมีความมั่นใจเกี่ยวกับศักยภาพของทรัมป์ในฐานะผู้นำประเทศลดลงเมื่อเทียบกับวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และนับตั้งแต่สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ได้นำสหรัฐออกจากข้อตกลงระดับโลกหลายข้อตกลงด้วยกัน อาทิ ข้อตกลงโลกร้อนกรุงปารีส และข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและพยายามญาติดีกับบรรดาผู้นำเผด็จการอย่างปูติน และคิม จอง อึน ของเกาหลีเหนือ ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์บรรดาประเทศเพื่อนบ้านด้วยถ้อยคำรุนแรง รวมทั้งเหล่าชาติพันธมิตรที่เป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต้)ด้วย

ผลสำรวจบ่งชี้ว่าภาพลักษณ์ของอเมริกาที่ยิ่งใหญ่และดีงามเมื่อปี 2560 เลวร้ายลงอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศในปีนี้ โดยเฉพาะในสายตาของชาวยุโรป  โดยชาวเยอรมันที่พอใจผลงานของทรัมป์มีแค่ 30% เท่านั้น ลดลงจากปีที่แล้ว 5%  และถือเป็นสัดส่วนความพอใจต่ำที่สุด ต่ำกว่ารัสเซียซึ่งมีสัดส่วนในส่วนนี้ที่ 26%  ส่วนประชากรในฝรั่งเศสพอใจทรัมป์แค่ 38% และแคนาดา 39% ส่วนเม็กซิโกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 32%  

ประเทศที่มองสหรัฐในยุคทรัมป์เป็นประธานาธิบดีเชิงบวกมากที่สุดคือ อิสราเอล ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ โดยมีสัดส่วนการยอมรับ 80% หรือสูงกว่า แต่ความเห็นของคนส่วนใหญ่ใน25ประเทศที่ถูกสุ่มสำรวจครั้งนี้่มีความเห็นตรงกันว่า ไม่มีความมั่นใจในตัวประธานาธิบดีสหรัฐคนนี้