หุ้นยุโรปปิดลบเหตุวิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

หุ้นยุโรปปิดลบเหตุวิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้คณะทำงานของรัฐบาลสหรัฐ พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนสู่ระดับ 25%

ดัชนีสต็อกซ์ ยุโรป 600 ปิดลบ 0.5% แตะที่ 389.84 จุด ดัชนีดีเอเอ็กซ์ ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,737.05 จุด ลดลง 68.45 จุด หรือ -0.53% ดัชนีซีเอซี-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,498.37 จุด ลดลง 12.93 จุด หรือ -0.23% และดัชนีเอฟทีเอสอี 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,652.91 จุด ลดลง 95.85 จุด หรือ -1.24%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับผลกระทบจากรายงานที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% จากแผนการเดิมที่ระดับ 10% วงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าโลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลก โดยหุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.4% หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 3.8% หุ้นอันโตฟากัสตา ลดลง 2.3% ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ขยับขึ้นเล็กน้อยที่ 0.6%

หุ้นเน็กซ์ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเสื้อผ้าและของแต่งบ้าน ร่วงลง 7.1% หลังจากบริษัทคงตัวเลขคาดการณ์ยอดขายและกำไรในปี 2562 เอาไว้ที่ระดับเดิม แม้ผลประกอบการไตรมาส 2/2561 ดีดตัวขึ้นก็ตาม

หุ้นโฟล์คสวาเกน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมนี ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ลดลง 13% สู่ระดับ 3.95 พันล้านยูโร ส่วนหุ้นริโอทินโต ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ ดิ่งลง 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 4.42 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.6 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่หุ้นแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม พุ่งขึ้น 4.2% หลังจากบริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 3 และตลอดปีงบการเงิน 2561 แม้กำไรในไตรมาส 2 ร่วงลงแตะระดับ 109 ล้านยูโร (127.6 ล้านดอลลาร์) จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 593 ล้านยูโร เนื่องจากผลกระทบของเหตุการณ์ผละงานประท้วงของนักบิน

หุ้นอาร์เซลอร์ มิตตัล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ระดับโลก พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.87 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 1.32 พันล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาเหล็ก