คุมตัว“สาวทอม” ทำแผน 5 ขั้นตอน อ้างทำเพราะหึงหวง-เมาสุรา ตร.คุมฝากขังพรุ่งนี้ พร้อมค้านประกันตัว
ที่สน.พหลโยธิน เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวน ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.เฉลียง อินทิพย์ รองผกก.(สอบสวน) สน.พหลโยธิน ร.ต.อ.หญิง ศรสิรัศฐิ์ นิยมรส รองสว.สอบสวน สน.พหลโยธินได้ร่วมกันควบคุมตัวน.ส.กาญจนา สินประเสริฐ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1678/2561 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณหอพักเอสบีเพลส ซ.รัชดาภิเษก 36 แยก 3 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ทั้งนี้จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 1 จุด 5 ขั้นตอนที่ปรากฎตามคลิปคือ1.ขณะผลักกัน 2.ขณะที่น.ส.กาญจนาใช้หมวกกันน็อคทำร้ายผู้เสียหาย 3.หลังผู้เสียหายล้มลงน.ส.กาญจนาได้ใช้เท้าแตะหลายครั้ง 4.ได้มีการกระชากผู้เสียหายช่วงระยะเวลาหนึ่งมีการชกต่อย และ5.จับศีรษะกระแทกพื้น ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าต้องพักรักษาตัว 2 เดือน
พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ สาเหตุจากการหึงหวงและการเปลี่ยนรหัสเข้าแอพพลิเคชั่นไลน์ โดยอ้างว่าเกิดจากอาการมึนเมาสุรา หลังจากนี้จะนำตัวน.ส.กาญจนาไปตัวปัสสาวะเพื่อหามีว่าสารเสพติดหรือไม่ หากพบก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป อย่างไรก็ตามในวันที่ 25 ก.ค. จะนำตัวน.ส.กาญจนา ไปฝากขังที่ศาลอาญา โดยทางพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว จากการดูแผนประทุษกรรมเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานเพราะมีการข่มขู่ผู้เสียหาย หลังจากที่มีข่าวออกไปน.ส.กาญจนาก็ได้หลบหนีไปต่างจังหวัด จึงมีพฤติกรรมในการหลบหนี จึงเข้าเกณฑ์ในการคัดค้านการประกันตัว และเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง มีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 10 ปี หรือปรับ 200,000 บาท
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ได้มีเจตนาในการหลบหนีสามารถเรียกตัวมาได้ทุกเมื่อแต่กลับถูกออกหมายจับจึงไม่สามารถมอบตัวได้ทางพล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า ตอนแรกศูนย์วิทยุของสน. จึงพหลโยธินรับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายทะเลาะวิวาท เมื่อไปถึงพบผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บมากจึงส่งตัวผู้เสียหายไปรักษาอาการบาดเจ็บก่อน หลังจากนั้นน.ส.กาญจนาได้มาแต่ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่มีพยานหลักฐานเพราะไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า ทั้งนี้หลังจากผู้เสียหายมาติดต่อทางพนักงานสอบสวนจึงรีบดำเนินการสอบปากคำ รวบรวมพยานหลักฐาน ขอใบรับรองแพทย์จนนำไปสู่การออกหมายจับได้
ส่วนกรณีของพยานแวดล้อมที่ไม่ได้เข้าให้การช่วยเหลือจะมีความผิดหรือไม่ ทางพล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า จากการซักถามพยานพยายามทำหน้าที่พลเมืองดี ในส่วนของรปภ.ได้พยายามห้ามและโทรแจ้งตำรวจ ส่วนน้องผู้หญิงได้ให้แฟนช่วยถ่ายคลิปและมาพูดคุยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ส่วนคนที่อยู่ข้างในจากการซักถามทราบว่าไม่มีคีย์การ์ดที่จะออกมา ซึ่งพิจารณาแล้วยังไม่เข้าข่ายตามมาตรา 374 ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิตซึ่งตนอาจ ช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่นแต่ไม่ช่วย